Monday, May 16, 2011

ประวัติของ หลวงพ่อโสธร จ.ฉะเชิงเทรา

     มีเรื่องเล่ากันมาตั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ตอนปลาย มีพระ3องค์พี่น้องเเปลงกายเป็นพระพุทธรูปลอยน้ำมามีชาวบ้านพบเห็นเเละอันเชิญขึ้นเเต่ไม่เป็นผลสําเร็จจึงปล่อยให้ลอยมาตามกระเเสน้ำมาเลื่อยๆจนพระพุธทรูป3องค์ลอยมาถึงเเม่น้ำบางปะกงจึงมีชาวบ้านพบเห็นเเละอันเชิญพระพุธทขึ้นมาเเต่ไม่เป็นผลสําเร็จเพราะเชือกขาดรั้งไว้ไม่อยู่กอบกับกระเเสน้ำเกิดปาฏิหาริย์ปั่นป่วนขึ้นมาเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักเเก่คนที่พบเห็นทําให้พระพุทธรูปสามองค์จมหายไปท่ามกลางสายตาของผู้ที่พบเห็น ทุกคนพายกมือไหว้ท่วมศีรษะ บางคนก็พูดว่าไม่มีบุญเพียงพอที่จะ อัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง3องค์ขึ้นมาได้ จึงเป็นที่กล่าวชื่อวัดที่อยู่ตรงนั้นว่า สามพระทวน เพราะมีพระ3องค์มาลอยวนเวียนอยู่บริเวณนั้น เรียกกันเรื่อยๆไปนานเข้าก็เพี้ยนกลายเป็น สัมปทวน กันไปในที่สุด หลังจากนั้นทั้ง3องค์ก็ลอยมาเรื่อยๆในเเม่น้ำบางปะกง องค์หนึ่งลอยไปทางบางพลี ไปผุดขึ้นที่ คลองวัดบางพลี ชาวบ้านอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานเอาไว้ที่วัดบางพลีได้โดยง่าย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพระพุทธรูปองค์นี้ท่านต้องการจะประดิษฐานอยู่ ณ ที่ตรงนี้ก็ได้  ชาวบ้านที่นั้นเลยเรียกว่า หลวงพ่อโต ประดิษฐานอยู่ที่ วัดบางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ อีกองค์หนึ่งลอยออกไปที่บริเวณบ้านแหลมสมุทรสงคราม ชาวบ้านตีอวนได้องค์พระขึ้นมาแล้วอัญเชิญไปประดิษฐาน ที่วัดบ้านแหลม หรือในปัจจุบันคือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อบ้านเเหลม เเละอีกองค์หนึ่งก็ลอยมาที่หน้า วัดเสาธงทอน หรือ วัดโสธร  ที่เเม่น้ำบางปะกง ชาวก็ช่วยกันลากขึ้นมาด้วยเชือกเเต่ไม่สําเร็จไม่อาจจะอัญเชิญขึ้นมาบนบกได้เเละมีอาจราย์ที่มีความรู้ทางด้านทางด้านเวทมนต์คาถามา เพื่อทำพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาจากกระแสน้ำให้ได้ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ เมื่ออาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณท่านนั้นตั้งศาล เพียงตาขึ้นมาตามโบราณพิธีแล้วเอาสายสิญจน์ไปคล้องเอาไว้ที่พระหัตถ์ ตอนนี้เองปรากฏว่าอัญเชิญเอาขึ้นมาบนฝั่งน้ำ ริมตลิ่งของวัดเสาธงทอนได้อย่างง่ายดายมาก แต่เมื่อเอาเชือกเส้นใหญ่ไปคล้องผูกมัดองค์ท่านแล้วดึงเข้ามาไม่เป็นผลอะไรเลย นับว่าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดของผู้ที่พบเห็นเป็นอันมาก เมื่อนําพระพุทธรูปขึ้นมาได้เเล้วก็อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถรวมกับพระพุทธรูปองค์อื่นๆที่มีอยู่ พระพุทธรูปองค์นี้ปรากฏว่าเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยลงรักปิดทองเอาไว้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นลักษณะ ของพระพุทธรูปศิลปะล้านช้าง คือศิลปะของเวียงจันทร์ ซึ่งมีการสร้างพระพุทธรูปลักษณะเช่นนี้กันทั่วไปที่ล้านช้างและหลวงพระบางและเมืองอื่นๆที่ภูมิภาคแถบนี้ ดูได้จากพระพุทธรูปลักษณะเดียวกันที่เวียงจันทร์ และหลวงพระบางตลอดจนอินโดจีน รวมทั้งทางภูมิภาคของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ชาวบ้านเลยพากันถือ เป็นเรื่องสำคัญมากที่ได้ พระพุทธรูปองค์สำคัญนี้มาพากันมากราบไหว้กันมากมาย
ในครั้งกระโน้นเล่าลือกันไปทุกสารทิศทีเดียวพากันเรียกท่านว่า"หลวงพ่อโสธร”ตามชื่อวัดที่เปลี่ยนมาจาก“เสาธงทอน” แล้วก็เป็น “หลวงพ่อโสธร”มาตราบกระทั่ง ปัจจุบัน.

หลวงพ่อโสธร
เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแปดริ้วหรือจังหวัดฉะเชิงเทราโดยแท้จริงตลอดมา“หลวงพ่อพุทธโสธร”
หรือ “หลวงพ่อโสธร” หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง1.48 เมตร เท่าที่มองเห็นองค์หลวงพ่อโสธรอยู่ในปัจจุบันนี้

   ผู้รู้เล่าว่าองค์จริงของหลวงพ่อพุทธโสธรนั้นเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่องค์เล็กกว่าที่เห็นกันอยู่ แต่เนื่องจากหลวงพ่อโสธรเป็นพระพุทธรูปที่มีรูปลักษณ์งดงามมาก มีผู้เกรงว่าจะเป็นอันตรายอาจจะมีผู้ใจบาปมากระทำมิดีมิร้ายได้
         จึงจัดการสร้างพระพุทธรูปปูนปั้นขึ้นใหม่แล้วเอาองค์จริงของหลวงพ่อโสธรประดิษฐานไว้ข้างในไม่ให้ใครเห็นจนบัดนี้.

No comments:

Post a Comment

Popular Posts