Monday, May 30, 2011

ประโยชน์ของน้าผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ‏

ตารางประโยชน์ของน้ำผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่าง ๆ
                                         ปริมาณและวิธีใช้   
1. บำรุงสุขภาพ                      น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน 

2. อดนอน                            น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้  
3. ยาอายุวัฒนะ                      น้ำผึ้ง½ -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน  
4. นอนไม่หลับ                       น้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน  
5.ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ    กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว ½ เกลือเล็กน้อยพิมเสน หรือ การบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6.
ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะน้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร  

7. ท้องผูก                                  น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน 
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน              น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน  
9. ท้องเสียรุนแรง                    น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½  ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1แก้ว  
10. เด็กหวะนม                     น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม  
11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว          น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกเมื่ออาหาร  
12. ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื่อรัง      น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล  หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่  เย็นแล้วล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล  
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย   ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง 
 14. โรคกระเพาะ                                 ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะก่อนนอน  
15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรคตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ3 ครั้งเป็นประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน  
16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร                   น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร 
17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง             น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ  
18. เสียน้ำหรือเสียเลือด(10-20%)   น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ  
19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ)   น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1ถ้วย

ธรรมะของหลวงปู่ทวด อ่านแล้วส่งต่อเพื่อเป็นธรรมทาน

หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
ท่านเป็นพระมหาเถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ ในนาม " หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด "
คาถาบูชาท่าน คือ นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
ชาติกาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125
ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา
บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปี
อุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี
มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225
สิริรวมอายุได้ 99 ปี
คติธรรมคำสอน ของ
หลวงปู่ทวด

ธรรมประจำใจ

พูดมาก เสียมาก    พูดน้อย เสียน้อย     ไม่พูด ไม่เสีย     นิ่งเสีย โพธิสัตว์
ละได้ย่อมสงบ
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข
ละได้ย่อมสงบ
สันดาน
ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได
แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง
ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก

ชีวิตทุกข์
การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ
จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ

จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ
เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ

เมื่อเราจะออกจากบ้าน

ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ
นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย
บรรเทาทุกข์
การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น
เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราต้องเป็นตัวของเราเอง
และเราจะต้องวินิจฉัยในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่า สิ่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ
ยากกว่าการเกิด
ในการที่เราเกิดมา   ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย   แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก
เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย
ไม่สิ้นสุด
แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด
กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น

ยึดจึงเดือดร้อน

ทุกวันนี้
เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโน่น ยึดนี่
ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรมสากล

จักรวาลโลกมนุษยนี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก
สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม
ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน
  เกิดการฆ่าฟันกัน
เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ
  ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า
สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ
อยู่ให้สบาย
ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น
เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด
  อยู่กันอย่างไม่ยินดี   อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย
อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์
เหนือคำสรรเสริญ
  เหนือนินทา   เหนือความผิดหวัง   เหนือความสำเร็จ   เหนือรัก   เหนือชัง
ธรรมารมณ์
การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง
อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือ รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน
  เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆ แล้ว
ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส   เสียใจน้อยใจ
  เป็นทุกข์
กรรม
ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า
เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว
ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์   มีความรื่นเริง
มารยาทของผู้เป็นใหญ่
ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน   ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง
มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก
คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ
โลกิยะ หรือ โลกุตระ
คนที่เดินทางโลกุตระ   ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้
คนที่เดินทางโลกิยะ
  ย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก   เพราะอะไร ?
ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว
ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม
ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า
?
ถ้าเป็นไปได้
  พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ ?
แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน

เราต้องตัดสินใจ   ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง
ศิษย์แท้
พิจารณากายในกาย   พิจารณาธรรมในธรรม   พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ
นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รู้ซึ้ง

ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ   เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล   ผลนั้นเกิดจากเหตุ
เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว
  เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา

ใจสำคัญ
การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์
จะต้องทำด้วยความศรัทธา
ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้นเกินความคาดหมาย
หยุดพิจารณา
คนเรานี้   ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว   จิตมันจะฟุ้งซ่าน
และถ้าภาวะนั้น
 
ตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือ หยุดพิจารณา
แล้วค้นสัจจะของ
  ศีล   สมาธิ   ปัญญา     ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้
บริจาค
ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ   จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอก
การสวดมนต์เป็นการภาวนา
  การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน
เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ
การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอก

นี่คือเรื่องของนามธรรม
ทำด้วยใจสงบ
เราจะทำบุญก็ดี   เราจะทำอะไรก็ดี   จงทำด้วยความสงบ
อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น   มันจะพาเราไปสู่หายนะ
เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน   เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง   จงอย่าทำ
นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน   เมื่อจิตใจสบายแล้ว ปัญญาก็เกิด
เมื่อเกิดปัญญาแล้ว   จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก
มีสติพร้อม
จะทำสิ่งใดก็ตาม   เราต้องมีสติพร้อม
คือ
อย่าให้มีโทสะ
  อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ
อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผล มาอยู่เหนือความจริง
เตือนมนุษย์
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว    มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีง านทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว    มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก    มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า
พิจารณาตัวเอง
คืนหนึ่งก็ดี   วันหนึ่งก็ดี   ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที
ไม่ติดต่อกับใคร

ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่า
  ที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร
คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
  คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น
เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้
  มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด   ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง
คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของหลวงปู่ทวด
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
ธรรมะของหลวงปู่ทวด   อ่านแล้วส่งต่อ เพื่อเป็นธรรมทา

10 กฎเหล็กแห่งการกิน สำหรับคนกลัวแก่

“You are what you eat”

…แต่ จะกินอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ และชะลอวัย ที่กำลังเริ่มร่วงโรย ให้ฟื้นกลับมากระชับสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และมีชีวิตชีวา

…ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging) อย่าง พญ.อัจจิมา สุวรรณจินดา กรรมการผู้จัดการสถาบันวัยวัฒน์และความงามเมดดิไซน์ (MEDISCI) เป็นผู้เคลียร์ประเด็นนี้ค่ะ

“เป็นบัญญัติ 10 ประการในการกินพิชิตแก่เลยล่ะกัน” คุณหมออัจจิมากล่าวในงานเสวนา “รู้จัก รู้ใจ สาววัย 40+” ที่จัดขึ้นโดยส่วนงาน Women Media Business ของบริษัท รักลูก กรุ๊ป

เรานำมาฝากท่านผู้อ่านที่รักความงามและห่วงสุขภาพดังนี้ค่ะ


กฎข้อที่ 1

กิน อาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะร่างกายต้องนำไปใช้ในการทำงาน ทุกอันสำคัญหมด ไขมันก็สำคัญนะ เพราะอย่างน้อยร่างกายก็ต้องการไขมันประมาณ 7-10 % ของไขมันอิ่มตัว เพื่อเป็นคอเรสเตอรอล เพื่อใช้ในการสร้างฮอร์โมน

กฎข้อที่ 2

กิน อาหารโดยแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ ประมาณ 5 มื้อ ได้แก่ มื้อหลัก 3 มื้อ เช้า เที่ยง เย็น และอาหารว่าง 2 มื้อเล็กๆ ช่วงสายและบ่าย การกินเป็นมื้อย่อยๆ 5 มื้อ เป็นการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เราจะได้ไม่มีภาวะต้านอินซูลิน

กฎข้อที่ 3

กิน อาหารในปริมาณเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป อย่ากินจนอิ่มเกินไป กินให้พอดี เพราะยิ่งกินเยอะ ร่างกายก็จะเสื่อมเยอะ ควรกินปริมาณแคลลอรี่ให้พอดีกับที่เราจะใช้ทำงาน

กฎข้อที่ 4

เน้น กินผักและผลไม้หลากหลายสี เช่น สีแดง เขียว ส้ม เหลือง ม่วง แดง เพื่อได้รับสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลาย และไม่มีปัญหาในเรื่องภูมิแพ้อาหารด้วย

กฎข้อที่ 5

กิน อาหารเช้าทุกวัน การกินอาหารเช้าสำคัญต่อการควบคุมความรู้สึกอยากอาหาร การตอบสนองร่างกายต่อฮอร์โมนอินซูลิน และกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย โดยอาหารเช้านั้นจะเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายเพื่อนำไปใช้ในการทำกิจกรรม ต่างๆ และช่วยลดความรู้สึกหิว ทำให้กินอาหารในมื้อถัดไปลดลง ส่งผลให้การหลั่งฮอร์โมนอินซูลินอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ

มี การศึกษาพบว่าผู้ที่กินอาหารเช้าทุกวัน จะมีโอกาสเกิดภาวะอ้วนและโรคเบาหวานน้อยกว่าผู้ที่งดอาหารเช้าถึง 35-50% และยังพบว่าการงดกินอาหารเช้านั้น นอกจากเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอ้วนและโรคเบาหวานแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย

กฎข้อที่ 6

กินปลาทะเลเช่น ปลาทู ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เพราะปลาเหล่านี้มี omega 3

กฎข้อที่ 7

หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มน้ำอัดลม และแอลกอฮอล์

สมัย ก่อนหมอไม่ค่อยดื่มน้ำ แต่จะดื่มแต่กาแฟ เพื่อให้อัพทั้งวัน ร่างกายก็จะเสื่อมเร็ว รู้ตัวอีกทีก็ต้องปรับเยอะ จนตอนนี้ก็ไม่ดื่มกาแฟแล้ว มีพลังงานทั้งวัน โดยที่พลังงานไม่ตก ไม่ต้องใช้ตัวกระตุ้นจากกาแฟหรือโค้ก ชาเขียวกินได้ แต่อย่าเยอะ มีสารแอนตี้ ออกซิแดนท์ แต่ก็มีคาเฟอีนด้วย อะไรที่เยอะเกินไปไม่ดี เพราะกาแฟมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ แต่ว่าอย่าดื่มเยอะ อย่าใส่ครีมเทียม เพราะเป็นไขมันแปรรูป กาแฟที่ควรดื่มคือ กาแฟสด instance coffee นี่ผ่านการแปรรูปจนสารอาหารแทบไม่มีเหลือแล้ว

หมอขอ เน้นอีกครั้งว่า ดื่มกาแฟได้นะ แต่อย่าเยอะ และอย่าดื่มเพื่อให้เป็นตัวกระตุ้นร่างกายให้ตื่น บางคนต้องใช้กาแฟเป็นตัวกระตุ้น เช่น ในกลุ่ม chronic fatigue syndrome เหนื่อย นอนไม่พอ ต้องใช้กาแฟกระตุ้น ทำให้ระบบอื่นเสีย ตับ ไต ร่างกายหลั่งคอร์ติซอลมาก ปัญหาก็จะตามมา

กฎข้อที่ 8

ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือการคำนวณน้ำหนักเราเป็นปอนด์ แล้วหารด้วย 2 ก็จะได้ปริมาณน้ำที่เราควรกิน

กฎข้อที่ 9

กิน อาหารธรรมชาติและผ่านแปรรูปน้อยที่สุด พวกธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ถั่วต่างๆ และควรปรุงอาหารด้วยวิธีอบ นึ่ง ตุ๋น หลีกเลี่ยงอาหารฟาส์ตฟู้ดที่มีไขมันและแป้งสูง

พูดง่ายๆ คือ กินข้าวกล้องได้ตลอดยิ่งดี และกับข้าวก็แบบที่ทำง่ายๆ ต้ม ผัด ก็พอ

กฎข้อที่ 10

หลีกเลี่ยงอาหารปรุงแต่งด้วยผงชูรส สารกันบูด สารแต่งกลิ่น สี และรส เป็นไปได้ก็กินข้าวนอกบ้านให้น้อยที่สุด

เห็นได้ว่า กฎเหล็กทั้ง 10 ข้อนี้ไม่ยากเลยเพียงแต่เรียกร้อง ‘ความใจแข็ง’ และ ‘ความมีวินัย’ ให้กับตัวเองเท่านั้นเอง !

The top five cancer-causing foods are: อาหารชั้นเลิศที่มะเร็งถามหา

1.. Hot Dogs ฮ็อตดอก เด็กไม่ควรทานเกิน 12 ชิ้นต่อเดือน เพราะใส่สารโซเดียมในเตรตมาก คนที่ชอบทานควรเลือกสูตรที่ไม่ผสมโซเดียมในเตรต



Because they are high in nitrates, the Cancer Prevention Coalition advises that children eat no more than 12 hot dogs a month. If you can't live without hot dogs, buy those made without sodium nitrate.




2. Processed meats and Bacon เนื้อต่างๆที่ผ่านกระบวนการแปรรูป และหมูเบคอน จะพบว่าใส่สารโซเดียมในเตรตมาก มีผลต่อการเกิดโรคหัวใจ ตัวเบคอนเองก็มีไขมันอิ่มตัวที่ไปช่วยการเติบโตของมะเร็ง




Also high in the same sodium nitrates found in hot dogs, bacon, and other processed meats raise the risk of heart disease. The saturated fat in bacon also contributes to cancer.





3. Doughnuts โดนัท  เป็นของชอบที่สุดของมะเร็ง เพราะมีสารและการปรุงที่ถูกวิธี คือ ป้ง น้ำตาล และน้ำมันที่ผ่านกระบวนการไฮโดรเจนแล้ว ทอดในอุณหภูมิที่สูง เพราะฉะนันคนที่มะเร็งถามหา หรือยังไม่หา ต้องระวังเป็นพิเศษ




Doughnuts are cancer-causing double trouble. First, they are made with white flour, sugar, and hydrogenated oils, then fried at high temperatures. Doughnuts, says Adams , may be the worst food you can possibly eat to raise your risk of cancer.



4. French fries มันฝรั่งทอด มีคุณสมบัติดีเด่นเหมือนกับโดนัท ที่ต้องทอดในอุณหภูมิสูงเช่นกัน แต่เด่นกว่าในการผลิตสาร อะครีล อาไมล์ ที่เป็นตัวกระตุ้นมะเร็ง  เป็นสุดยอดอาหารมะเร็งถามหา




Like doughnuts, French fries are made with hydrogenated oils and then fried at high temperatures. They also contain cancer- causing acryl amides which occur during the frying process. They should be called cancer fries, not French fries, said Adams .



5. Chips, crackers, and cookies มันฝรั่งทอดแบบแผ่น ขนมปังแคร๊กเกอร์ และขนมคุ๊กกี้ ทำจากแป้งและน้ำตาล (เหมือนโดนัท)  ของต้องห้ามสำหรับคนเกิดปีมะเร็ง


The main causes of liver damage are: สาเหตุการทำลายตับ

1. Sleeping too late and waking up too late are main cause. การนอนและตื่นได้ทุเรต คือนอนสาย ตื่นสาย ทำให้ตับทำงานผิดเวลา เป็นสาเหตุหลัก

2. Not urinating in the morning. ไม่ฉี่ในตอนเช้า หรือตื่นนอน  น้ำปัสสาวะเลยไปขังเหม็นในตับ ตับไม่สดชื่น

3 . Too much eating. กินมากไป  ทำให้การทำงานเกินกำลังของตับในการกรองสารอาหาร  ทั้งแอลล์กอฮอล์  น้ำหวาน ไขมัน ฯลฯ

4. Skipping breakfast. การงดทานอะไรในตอนเช้า  น้ำย่อยกับตับต้องมีการทำงาน

5. Consuming too much medication. การเป็นคนชอบทานยาหลายขนาน  มากๆ ย่อยๆ และประจำ  สารจากยาสังเคราะห์สมัยใหม่จะไปสะสมที่ตับ ช่วยให้ตับเสียเร็วในระยะยาว

6. Consuming too much preservatives, additives, food coloring, and artificial sweetener. การเลือกทานอาหารที่ใช้สารกันบูด  สารเพิ่มรสชาติ สารใส่สี น้ำตาลเทียม ล้วนเป็นสิ่งดีๆที่ไปสะสมทำลายตับในระยะยาว

7. Consuming unhealthy cooking oil. การทานน้ำมันปรุงอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น น้ำมันทอดซ้ำมากๆ เวลาเหนื่อยมากๆไม่ควรทานอาหารทอด แต่ถ้าร่างกายแข็งแรงก็ไม่เป็นไร ยังทนได้?

As much as possible reduce cooking oil use when frying, which includes even the best cooking oils like olive oil. Do not consume fried foods when you are tired, except if the body is  very fit.


8. Consuming raw (overly done) foods also add to the burden of liver. การทานของดิบช่วยทำลายตับได้อย่างดี  ควรปรุงสุกก่อนทุกครั้ง  และอาหารทอดควรทานให้หมด ไม่ควรเก็บไว้ทานภายหลัง  เพราะน้ำมันที่ทอดในอาหารจะแปรสภาพอิ่มตัว

Veggies should be eaten raw or cooked 3-5 parts. Fried veggies should be finished in one sitting, do not store.

We should prevent this without necessarily spending more. We just have to adopt a good daily lifestyle and eating habits. Maintaining good eating habits and time condition are very important for our bodies to absorb and get rid of unnecessary chemicals according to 'schedule.'

การทำงานของสมอง


1. No Breakfast ไม่ทานอาหารเช้า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ มีผลต่อการทำงานของสมอง

People who do not take breakfast are going to have a lower blood sugar level. This leads to an insufficient supply of nutrients to the brain causing brain degeneration.


2 . Overeating=2.0 การอาหารทานมากเกินไปทำให้เส้นเลือดในสมองหนามีการเกาะตัวของไขมัน การทำงานสมองช้าลง

It causes hardening of the brain arteries, leading to a decrease in mental power.


3. Smoking การสูบบุหรี่  ช่วยให้สมองฝ่อ  เกิดเป็นโรคอัลไซเมอร์ตามมมา

It causes multiple brain shrinkage and may lead to Alzheimer disease.


4. High Sugar consumption การทานหวานมาก น้ำตาลจะไปขัดขวางการดูดซึมของโปรตีนและสารอาหาร   เป็นสาเหตุที่ตามมาของการทำงานที่ดีของสมอง

Too much sugar will interrupt the absorption of proteins and nutrients causing malnutrition and may interfere with brain development.


5. Air Pollution อากาศเป็นพิษ  สมองเป็นอวัยวะที่ต้องการอ๊อกซิเจนมากที่สุดในร่างกาย อากาศเสียส่งผลต่อการทำงานของสมองโดยตรง

The brain is the largest oxygen consumer in our body. Inhaling polluted air decreases the supply of oxygen to the brain, bringing about a decrease in brain efficiency.


6 . Sleep Deprivation การอดนอน ทำให้เซลสมองไม่ได้รับการทดแทนจากการฟักตัวของเซลใหม่ เซลสมองที่ตายแล้วจะสะสมมีปริมาณมาก เป็นอันตรายในระยะยาว

Sleep allows our brain to rest.. Long term deprivation from sleep will accelerate the death of brain cells..


7. Head covered while sleeping การคลุมหน้าเวลาหลับ  ช่วยให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซที่หายใจออกมาสะสม  ก๊าซออกซิเจนที่ต้องการมีไม่พอ  สมองจะค่อยๆถูกทำลาย

Sleeping with the head covered increases the concentration of carbon dioxide and decrease concentration of oxygen that may lead to brain damaging effects.


8. Working your brain during illness การทำงานหรืออ่านหนังสือคร่ำเคร่งเวลาป่วยไข้ไม่สบาย  นอกจากลดประสิทธิภาพการใช้งานสมองแล้ว  ยังช่วยทำลายสมองอีกด้วย

Working hard or studying with sickness may lead to a decrease in effectiveness of the brain as well as damage the brain.


9. Lacking in stimulating thoughts การไม่ใช้สมองเหมือนไม่ออกกำลังกายให้มัน  มีผลต่อการทำให้สมองฝ่อ  การใช้ความคิดเป็นการฝึกความจำที่ดี  (คนอายุมากควรฝึกบ่อย)

Thinking is the best way to train our brain, lacking in brain stimulation thoughts may cause brain shrinkage.


10. Talking Rarely คนไม่ค่อยพูดกับใคร มักมีปัญหา  เพราะการพูดคุยช่วยให้สมองมีการทำงานและพัฒนา  (การคุยแบบสร้างสรรค์  ไม่ใช่ชวนทะเลาะ)

Intellectual conversations will promote the efficiency of the brain

Monday, May 23, 2011

Download Internet Explorer 10

Download Internet Explorer 10

Internet Explorer 10 หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า IE 10 ซึ่งเป็น Web Browser ที่ใช้งานร่วมกับ Windows ซึ่งทุก ๆ ท่านก็คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เมื่อไม่นานมานี้ทาง Microsoft ก็ได้ออก IE 9 มาให้ใช้งาน ซึ่งยอมรับเลยว่าสวยงามจริง ๆ และดีกว่าเวอร์ชั่นก่อน ๆ เป็นอย่างมาก จากที่ไม่ค่อยได้สนใจ IE ซักเท่าไรก็มีความรู้สึกว่า เริ่มชอบ Internet Explorer ขึ้นบางเช่นกัน

Internet Explorer 10 กับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่

การเปลี่ยนแปลงใน Internet Explorer 10 คือการแสดงผลของ Web Browser ที่กำลังจะมีในอนาคต ซึ่งเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วย HTML5 และโครงสร้างภาษา CSS3 จะถูกแสดงผลใน Internet Explorer 10 ได้เต็มประสิทธิภาพและสวยงามมาก ๆ ซึ่งทาง Microsoft ได้นำเอาวีดิโอการทดสอบครั้งนี้ออกมาให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้รับชมการทดสอบ เหนือชั้นของมัน

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า มันสุดยอดจริง ๆ เพราะว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทดสอบนั้นไม่ได้แรงอะไรมากมายเลย แต่สามารถที่จะแสดงผล 3D ได้แบบที่เรียกว่า “ไม่มีคำว่ากระตุกโดย Internet Explorer 10″ แม้แต่น้อย  ซึ่งบางท่านอาจจะสนใจในตัวโปรแกรมบ้างแล้ว แน่น่าเสียดายที่มันยังไม่ได้ออกตัวเต็มมาให้คุณได้ใช้งานกัน
 IE 10

Firefox 5 Beta 2 now available for download

      มูลนิธิมอสซิลา (Mozilla) ประกาศเปิดให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถดาวน์โหลดเว็บเบราว์เซอร์รุ่นล่า สุด Firefox5 Beta2 ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม (ตามเวลาในสหรัฐฯ) หลังจากมีการปล่อยเวอร์ชัน 4.0 ไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา
      
       ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าเวอร์ชันใหม่ นี้ได้มีการปรับปรุงในส่วนของ CSS animations ซี่งจะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างเว็บที่มีภาพเคลื่อนไหวที่น่าสนใจมากขึ้น, ปรับปรุง HTML5, XHR, MathML, SMIL, และ canvas ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์มีความเสถียรและไหลลื่นมากยิ่งขึ้น, เพิ่มประสิทธิภาพในการรันจาวาสคริปต์ รวมถึงการพัฒนาระบบการทำงานให้สามารถใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติ การลีนุกซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      
       นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงในส่วนของ Switching Firefox development channels ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถสลับการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ระหว่างเวอร์ชั่น Beta หรือเวอร์ชันทดลองและ Firefox 4 เวอร์ชันสมบูรณ์ได้
      
       ผู้ใช้งานที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดเว็บเบราว์เซอร์เวอร์ชันใหม่ (Firefox 5.0 Beta) ได้ ที่นี่ สำหรับเวอร์ชันเต็มนั้นคาดว่าจะมีการเปิดให้ดาวน์โหลดในวันที่ 21 มิถุนายนที่จะถึงนี้

Wat Samanrattanaram วัดสมานรัตนาราม ชมพระราหู และพระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

วันนี้ได้เดินทางไปท่องเที่ยวฉะเชิงเทราก็เห็นป้ายว่า พระพิฆเนศ- พระราหู องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ไม่รอช้าครับ ขับรถไปดูเลย จุดหมายวัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอบางคล้า และอำเภอคลองเขื่อน ริมแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
ป้ายแนะนำครับ ใครไปเที่ยวฉะเชิงเทราต้องเห็นทุกคน เพราะมีติดตั้งอยู่ตลอดเส้นทาง


Rnrhoo องค์ราหูองค์ใหญ่เด่น เห็นแต่ไกลเลยครับ


Rnrhoo องค์ราหูองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยครับ


ศาลาบูชาพระราหู มีคนมามากมายตลอดทั้งวัน
พระอาทิตย์


พระจันทร์


พระอังคาร


พระพุธ


พระพฤหัส


พระศุกร์


พระเสาร์


พระเกตู


พระราหู
Ganesh พระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย


พระพิฆเนศ มีประชาชนเข้ามาสักการะบูชามากมาย


พระพิฆเนศ ใต้ฐานที่บรรทมจะมีรูปพระพิฆเนศปางต่างๆและเรื่องราวบอกด้วยครับ
ทุกคนจะมาลูบองค์พระพิฆเนศปางต่างเพื่อเป็นศิริมงคลครับ


วนซ้ายไปเรื่อยครับ จะเห็นว่ามีพระพิฆเนศหลายปางมากครับ รอบฐานมีทั้งหมด 32 ปางครับ






บริเวณด้านหน้าพระพิฆเนศ จะมีปูนปั้นรูปหนูอยู่สองตัว ชื่อว่าหนูมุสิกะ เป็นต้นห้องของพระพิฆเนศ


ถ้าอยากได้สิ่งใด หรือไปขอพรให้สมหวัง ให้เราไปกระซิบที่หู หนูมุสิกะ แล้วหนูมุสิกะจะนำสิ่งที่เราขอนั้นไปบอกท่านพระพิฆเนศให้ประทานสิ่งที่ต้องการกลับมา


ไปกระซิบที่หู หนูมุสิกะ แล้วจะสมหวัง
ใครผ่านไปฉะเชิงเทราก็อย่าลืมไปแวะชมและไปไหว้ชมพระราหู และพระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อความเป็นศิริมงคลในชีวิต


คลิกเพื่อขยายแผ่นที่ได้ครับ

Monday, May 16, 2011

ประวัติของ หลวงพ่อโสธร จ.ฉะเชิงเทรา

     มีเรื่องเล่ากันมาตั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ตอนปลาย มีพระ3องค์พี่น้องเเปลงกายเป็นพระพุทธรูปลอยน้ำมามีชาวบ้านพบเห็นเเละอันเชิญขึ้นเเต่ไม่เป็นผลสําเร็จจึงปล่อยให้ลอยมาตามกระเเสน้ำมาเลื่อยๆจนพระพุธทรูป3องค์ลอยมาถึงเเม่น้ำบางปะกงจึงมีชาวบ้านพบเห็นเเละอันเชิญพระพุธทขึ้นมาเเต่ไม่เป็นผลสําเร็จเพราะเชือกขาดรั้งไว้ไม่อยู่กอบกับกระเเสน้ำเกิดปาฏิหาริย์ปั่นป่วนขึ้นมาเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักเเก่คนที่พบเห็นทําให้พระพุทธรูปสามองค์จมหายไปท่ามกลางสายตาของผู้ที่พบเห็น ทุกคนพายกมือไหว้ท่วมศีรษะ บางคนก็พูดว่าไม่มีบุญเพียงพอที่จะ อัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง3องค์ขึ้นมาได้ จึงเป็นที่กล่าวชื่อวัดที่อยู่ตรงนั้นว่า สามพระทวน เพราะมีพระ3องค์มาลอยวนเวียนอยู่บริเวณนั้น เรียกกันเรื่อยๆไปนานเข้าก็เพี้ยนกลายเป็น สัมปทวน กันไปในที่สุด หลังจากนั้นทั้ง3องค์ก็ลอยมาเรื่อยๆในเเม่น้ำบางปะกง องค์หนึ่งลอยไปทางบางพลี ไปผุดขึ้นที่ คลองวัดบางพลี ชาวบ้านอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานเอาไว้ที่วัดบางพลีได้โดยง่าย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพระพุทธรูปองค์นี้ท่านต้องการจะประดิษฐานอยู่ ณ ที่ตรงนี้ก็ได้  ชาวบ้านที่นั้นเลยเรียกว่า หลวงพ่อโต ประดิษฐานอยู่ที่ วัดบางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ อีกองค์หนึ่งลอยออกไปที่บริเวณบ้านแหลมสมุทรสงคราม ชาวบ้านตีอวนได้องค์พระขึ้นมาแล้วอัญเชิญไปประดิษฐาน ที่วัดบ้านแหลม หรือในปัจจุบันคือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อบ้านเเหลม เเละอีกองค์หนึ่งก็ลอยมาที่หน้า วัดเสาธงทอน หรือ วัดโสธร  ที่เเม่น้ำบางปะกง ชาวก็ช่วยกันลากขึ้นมาด้วยเชือกเเต่ไม่สําเร็จไม่อาจจะอัญเชิญขึ้นมาบนบกได้เเละมีอาจราย์ที่มีความรู้ทางด้านทางด้านเวทมนต์คาถามา เพื่อทำพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาจากกระแสน้ำให้ได้ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ เมื่ออาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณท่านนั้นตั้งศาล เพียงตาขึ้นมาตามโบราณพิธีแล้วเอาสายสิญจน์ไปคล้องเอาไว้ที่พระหัตถ์ ตอนนี้เองปรากฏว่าอัญเชิญเอาขึ้นมาบนฝั่งน้ำ ริมตลิ่งของวัดเสาธงทอนได้อย่างง่ายดายมาก แต่เมื่อเอาเชือกเส้นใหญ่ไปคล้องผูกมัดองค์ท่านแล้วดึงเข้ามาไม่เป็นผลอะไรเลย นับว่าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดของผู้ที่พบเห็นเป็นอันมาก เมื่อนําพระพุทธรูปขึ้นมาได้เเล้วก็อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถรวมกับพระพุทธรูปองค์อื่นๆที่มีอยู่ พระพุทธรูปองค์นี้ปรากฏว่าเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยลงรักปิดทองเอาไว้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นลักษณะ ของพระพุทธรูปศิลปะล้านช้าง คือศิลปะของเวียงจันทร์ ซึ่งมีการสร้างพระพุทธรูปลักษณะเช่นนี้กันทั่วไปที่ล้านช้างและหลวงพระบางและเมืองอื่นๆที่ภูมิภาคแถบนี้ ดูได้จากพระพุทธรูปลักษณะเดียวกันที่เวียงจันทร์ และหลวงพระบางตลอดจนอินโดจีน รวมทั้งทางภูมิภาคของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ชาวบ้านเลยพากันถือ เป็นเรื่องสำคัญมากที่ได้ พระพุทธรูปองค์สำคัญนี้มาพากันมากราบไหว้กันมากมาย
ในครั้งกระโน้นเล่าลือกันไปทุกสารทิศทีเดียวพากันเรียกท่านว่า"หลวงพ่อโสธร”ตามชื่อวัดที่เปลี่ยนมาจาก“เสาธงทอน” แล้วก็เป็น “หลวงพ่อโสธร”มาตราบกระทั่ง ปัจจุบัน.

หลวงพ่อโสธร
เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแปดริ้วหรือจังหวัดฉะเชิงเทราโดยแท้จริงตลอดมา“หลวงพ่อพุทธโสธร”
หรือ “หลวงพ่อโสธร” หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง1.48 เมตร เท่าที่มองเห็นองค์หลวงพ่อโสธรอยู่ในปัจจุบันนี้

   ผู้รู้เล่าว่าองค์จริงของหลวงพ่อพุทธโสธรนั้นเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่องค์เล็กกว่าที่เห็นกันอยู่ แต่เนื่องจากหลวงพ่อโสธรเป็นพระพุทธรูปที่มีรูปลักษณ์งดงามมาก มีผู้เกรงว่าจะเป็นอันตรายอาจจะมีผู้ใจบาปมากระทำมิดีมิร้ายได้
         จึงจัดการสร้างพระพุทธรูปปูนปั้นขึ้นใหม่แล้วเอาองค์จริงของหลวงพ่อโสธรประดิษฐานไว้ข้างในไม่ให้ใครเห็นจนบัดนี้.

Popular Posts