Tuesday, August 23, 2011

น้ำมังคุด ทานเพื่อสุขภาพ

น้ำมังคุด 100% ทานเพื่อสุขภาพ เป็นที่นิยมอันดับ 1 ในอเมริกา น้ำมังคุดสามารถรักษาโรคได้หลายโรค ราคาแพงมากในยุโรป

ความคิดเห็นของแพทย์เกี่ยวกับน้ำมังคุด

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากหลายสาขาต่างก็ยอมรับในผลลัพธ์อันน่าทึ่งของ มังคุด นายแพทย์ท่านหนึ่งได้ใช้อาหารเสริมจากมังคุดในการรักษาทางการแพทย์ของเขา แล้วเขาก็ได้พบผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจจากคนไข้ของเขาเองจนกระทั่งเขาได้เขียน หนังสือเกี่ยวกับประโยชน์ของมังคุดและการนำมันมาปรับใช้ในทางการแพทย์ หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า “Mangosteen, The X-Factor” เขียนโดยนายแพทย์ J.Frederic Templeman ซึ่งในหนังสือนายแพทย์ Templeman ได้กล่าวไว้ว่า สารสกัดจากมังคุดมีคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพหลากหลายอย่างด้วยกัน มันให้ผลลัพธ์ที่ดีและน่าเชื่อถือมาก แต่เป็นที่น่าเสียดายว่ายังมีคนอีกมากมายที่ไม่เคยรับรู้และลองใช้ผลิตภัณฑ์ ตัวนี้ อีกทั้งยังไม่เชื่อว่าสารตัวเดียวจะสามารถรักษาโรคได้หลายโรคเช่นนี้ แต่เชื่อเถอะว่าคนไข้ของผมต่างก็ได้พิสูจน์ผลลัพธ์ของมันมาแล้วว่า มันได้ผลจริงๆ

นายแพทย์ Sam Walter ผู้รักษาคนไข้มามากกว่าห้าหมื่นคน ตลอดจนทำการค้นคว้าวิจัยให้กับบริษัทยาและแม้กระทั่งองค์กรนาซ่าในด้านการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและโภชนาการ ได้พยายามมองหาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาคนไข้โดยไม่ก่อ ให้เกิดผลข้างเคียงเช่นเดียวกับยาต่างๆ ที่ใช้ในปัจจุบัน ดังนั้นเขาจึงได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับแซงโก้ในหนังสือที่มีชื่อว่า “Tame the Flame” เนื้อหาในหนังสือได้พูดถึงคุณประโยชน์ของมังคุด ตลอดจนงานวิจัยต่างๆ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าได้รับการศึกษาค้นคว้าจากสถาบันทางการแพทย์ต่างๆ ทั่วโลก และได้พิสูจน์แล้วว่าสาร ”ซานโทส” ในผลมังคุดประกอบด้วยสารต่างๆ ที่สามารถช่วยในการรักษาและป้องกันโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างมากมายเลยทีเดียว

นายแพทย์ Kenneth Finsand ท่านเป็นหมอนวดกระดูกสันหลังเพื่อรักษาโรค ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของมังคุดลงใน หนังสือที่มีชื่อว่า “Mangosteen Healings Secret Revealed” ซึ่งเนื้อหาสาระภายในหนังสือก็ได้กล่าวถึงประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับจากการบริโภคมังคุด ตลอดจนการรักษาคนไข้โดยใช้สารสกัดจากมังคุด

งานวิจัยเกี่ยวกับมังคุด
งานวิจัยชิ้นแรกเกี่ยวกับมังคุดเริ่มนับถอยหลังไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1634 ซึ่งได้รับการยืนยันผลว่ามังคุดมีสารต่างๆ ที่ให้คุณค่าอันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากกว่าการบริโภคผลไม้ ชนิดอื่นกว่า 12 ชนิดรวมกัน ความลับของมังคุดก็คือการที่ในมังคุดประกอบด้วยสาร ”ซานโทส” (XANTHONES) ซึ่งเป็นสารที่ก่อประโยชน์ให้แก่ร่างกายเป็นจำนวนมาก

25 สิ่งมหัศจรรย์จากคุณค่าธรรมชาติของมังคุด
1. เพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย
มังคุดมีคุณสมบัติพิเศษในการต้านทานความเหนื่อยล้าซึ่งคุณสมบัตินี้ได้รับ การยอมรับจากผู้บริโภคแล้วว่ามังคุดสามารถเพิ่มพลังงานและสร้างความกระปรี้ กระเปร่าให้แก่ร่างกายได้อย่างปลอดภัยจริง อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วย

2. ลดอาการอักเสบ และรักษาแผลพุพองต่างๆ
โดยธรรมชาติแล้วสารซานโทเนสในมังคุดสามารถต่อต้านและยับยั้งตลอดจนรักษา อาการอักเสบของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้น มังคุดจึงช่วยบรรเทาอาการอักเสบเรื้อรังต่างๆ อาทิเช่น โรคเบาหวาน, โรคมะเร็ง, โรคไขข้ออักเสบ, โรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อม, โรคหัวใจ และโรคร้ายอื่นๆ อีกมากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ลดน้ำหนัก
ในโลกยุคปัจจุบันอาหารต่างๆ ที่เราบริโภคตลอดจนมลภาวะต่างๆ ที่เราพบเจอตลอดเวลาส่งผลให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายแปรสภาพและยากที่จะดูดซึมและเผาผลาญพลังงานในร่างกายสารซานโทเนสใน มังคุดจะช่วยส่งเสริมให้เซลล์ในร่างกายดูดซึมและเผาผลาญจากอาหารที่เรารับ ประทานลงไปได้ดียิ่งขึ้นกระบวนการนี้จะช่วยสร้างเสริมพลังงานให้กับร่างกาย และขณะเดียวกันก็ช่วยลดน้ำหนักอีกด้วย

4. ลดและป้องกันการเจ็บปวด
มังคุดมีคุณสมบัติสำคัญในการบรรเทาความเจ็บปวด คนไข้หลายคนที่ประสบปัญหาในการใช้ยาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดได้หันมาใช้ สารสกัดจากมังคุดแทนซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

5. ป้องกันโรคหัวใจ
โรคหัวใจและโรคทางเดินหัวใจต่างๆ เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดที่มาหล่อเลี้ยงหัวใจ สารจากมังคุดจะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดตลอดจนยับยั้งการก่อ ตัวของจุลลินทรีย์ที่เป็นพิษ อีกทั้งยังส่งเสริมการสร้างออกซิเจนในหลอดเลือด ดังนั้นเมื่อหลอดเลือดมีสุขภาพดีและแข็งแรงความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจก็จะ ลดลงตามไปด้วย

6. ต่อต้านสารอนุมูลอิสระอันจะเป็นอันตรายต่อชั้นผิวหนัง
มังคุดประกอบด้วยสารคาเทชินซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถต่อต้านสารอนุมูลอิสระ อันจะเป็นอันตรายต่อชั้นผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามินซีและ วิตามินอี เพียงใช้เป็นประจำทุกวันคุณจะเห็นผลอันน่าทึ่งของผลิตภัณฑ์นี้

7. ลดความดันโลหิต
ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับเส้นโลหิตต่างๆ คอเรสเตอรอลและสารพิษต่างๆ ที่อุดตันทางเดินโลหิตส่งผลให้ทางเดินโลหิตแคบลงเป็นเหตุให้ความดันโลหิตสูง ขึ้น ซึ่งจะไปเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดหัวใจวายและอัมพาตหรือโรคปัจจุบันตามมา สารสกัดจากมังคุดได้มีการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดความดันโลหิตได้จริงในบุคคล ที่มีน้ำหนักตัวปกติ และในขณะเดียวกันยังสามารถป้องกันโรคเกี่ยวกับปอดในระยะเริ่มต้นได้อีกด้วย

8. บำรุงสภาพภายในกระเพาะอาหาร
ผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อคนเราแก่วัยก็คือการเสื่อสภาพของกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะส่งผลให้แบคทีเรียในกระเพาะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและเป็นสาเหตุให้เกิด อาการท้องร่วง เสียดท้อง เกิดแก๊สในกระเพาะ และการดูดซึมอาหารบกพร่อง สารแซนโทเนสในมังคุดจะไปช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และฟื้นฟูความสมดุลภายในกระเพาะอาหาร

9. ช่วยให้ทางเดินปัสสาวะมีสภาวะที่ดีขึ้น
การกลั้นปัสสาวะของเพศหญิงเป็นสาเหตุให้เกิดการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ บริเวณเชิงกรานและการเสื่อมสภาพนี้เองที่จะไปลดความสามารถในการขับปัสสาวะ ออกจากกระเพาะปัสสาวะ สำหรับเพศชายเมื่อมีอายุมากขึ้นต่อมลูกหมากก็จะขยายใหญ่ขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ ท่อปัสสาวะมีขนาดแคบลงและเป็นสาเหตุให้มีปัสสาวะขังอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ในสภาพนี้เองที่ทั้งเพศชายและหญิงมีโอกาสสูงในการติดเชื้อเนื่องมาจากแบ็คที เรียในกระเพาปัสสาวะไม่ได้มีการกำจัดออกไป สารแซนโทเนสได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถขับทั้งแบ็คทีเรียธรรมชาติตลอดจน สารตกค้างที่เกิดจากการรับประทานยาปฏิชีวนะออกจากร่างกายได้อย่างมี ประสิทธิภาพ

10. กำจัดกลิ่นปาก
ผลข้างเคียงอันมหัศจรรย์ที่เกิดจากการฆ่าเชื้อแบ็คทีเรียของสารแซนโทเนสก็คือความสามารถในการช่วยขจัดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ออกไป

11. บรรเทาอาการหอบหืด
โรคหอบหืดคือหนึ่งในโรคที่เกิดจากการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ มังคุดเป็นตัวยาในอุดมคติเพื่อนำมาใช้รักษาโรคหอบหืดได้อย่างได้ผลเนื่องจาก มันสามารถต้านทานการติดเชื้อ ระงับการอักเสบ และลดการเกิดอาการแพ้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

12. ต่อต้านและป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
การอักเสบเรื้อรังคือหนึ่งในตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานประเภทสอง เนื่องจากมังคุดเป็นสารต้านทานการอักเสบโดยธรรมชาติดังนั้นจึงช่วยในการ ป้องกันโรคเบาหวานชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติในการลดและควบคุมระดับน้ำตาล ลดน้ำย่อย ตลอดจนเพิ่มระดับพลังงาน และลดความต้องการในการฉีดยาเข้าสู่หลอดเลือด ดังนั้นมังคุดจึงเป็นคำตอบที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

13. เพิ่มพูนสติปัญญา
การขาดอ็อกซิเจนในสมองเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดโรคสติปัญญาเสื่อม อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลาง สารสกัดจากมังคุดซึ่งเป็นสารแอนตี้อ็อกซิแดนท์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการ ป้องกันการเสื่อมถอยทางสติปัญญา ตลอดจนช่วยเพิ่มไหวพริบปฏิภาณ จะช่วยขจัดความเสื่อมทางปัญญาเหล่านี้ออกไป

14. ต่อต้านและป้องกันโรคมะเร็ง
ได้มีการวิจัยเกี่ยวกับมังคุดอย่างไม่หยุดหย่อนถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้ สารสกัดจากมังคุดในการป้องกันโรคมะเร็ง จากผลการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากมังคุดจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบ โตของเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือด และยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตอันรวดเร็วของมะเร็งเต้านม มะเร็งในตับ มะเร็งในกระเพาะอาหาร ตลอดจนมะเร็งในปอดได้

15. ต่อต้านและป้องกันโรคภูมิแพ้
ได้มีการค้นพบสรรพคุณของมังคุดในการเป็นยาแก้แพ้และยาแก้อักเสบจากธรรมชาติ และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ น้ำมังคุดรับประทานง่าย เอร็ดอร่อย ตลอดจนไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง อย่างเช่น อาการง่วงซึม เหมือนดังยาแก้แพ้ทั่วไป

16. ต่อต้านและป้องกันการติดเชื้อ
นักวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยถึงการค้นพบการแก้ไขปัญหาการแพร่เชื้อของเชื้อ แบคทีเรียโดยใช้สารสกัดจากมังคุด ดังนั้นมังคุดจึงได้ชื่อว่าราชินีแห่งการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์

17. ต่อต้านและป้องกันโรคซึมเศร้า
หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของมังคุดก็คือความสามารถในการกระตุ้นอารมณ์ความ รู้สึกให้กระปรี้กระเปร่าและยังให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งกรดตัวนี้มีผลโดยตรงต่อระบบประสาทส่วนควบคุมการนอนหลับ อารมณ์และความอยากอาหาร ดังนั้นการบริโภคอาหารเสริมจากมังคุดอย่างต่อเนื่องจะช่วนส่งเสริมให้มี สุขภาพจิตที่ดี และอารมณ์ดีอยู่เสมอ

18. บำรุงผิวพรรณ
ความผิดปกติทางผิวพรรณ เช่น แผลเปื่อยพุพอง อาการอักเสบที่ผิวหนัง สิว โรคเรื้อน ผดผื่นต่างๆ ซึ่งโดยทั่วไปสามารถรักษาได้โดยใช้สเตียรอยด์หรือยาฆ่าเชื้อต่างๆ สามารถรักษาได้โดยการใช้มังคุดทาลงไปตรงส่วนที่มีปัญหา ซึ่งมังคุดได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาปัญหาผิวพรรณเหล่านี้โดยวิธี ธรรมชาติอย่างได้ผลโดยปราศจากการใช้สารเคมีอันตรายและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

19. ป้องกันโรคตาต่างๆ
ต้อกระจกและต้อหินต่างก็เป็นผลมาจากการถูกทำลายโปรตีนภายในดวงตาจากรังสี ต่างๆ ซึ่งอาการนี้สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงการได้รับแสงโดยตรงจากดวง อาทิตย์ หรือการบริโภคอาหารเสริมที่มีสารแอนตี้อ็อกซิแดนท์สูง อย่างเช่น สารสกัดจากมังคุดเป็นต้น

20. รักษาอาการปากแตกหรือปากเป็นแผล
มังคุดสามารถรักษาอาการปากแตกหรือปากเป็นแผลได้ภายในเวลาแค่ 24 ชั่วโมง พลังในการสมานแผลตลอดจนการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์สามารถแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว และทันที จะช่วยให้ปากและเหงือกมีสุขภาพแข็งแรง

21. ช่วยลดคอเรสเตอรอล
เมื่อคอเลสเตอรอลรวมตัวกับอ็อกซิเจนในกระแสเลือดและหลอดเลือดก็จะเกาะตัวกัน เป็นสิ่งอุดตันทางเดินโลหิต จากผลการศึกษาพบว่าสานแซนโทเนสจะช่วยลดการรวมตัวกันดังกล่าวและป้องกันการ สะสมตัวของตะกอนไขมัน

22. ช่วยป้องกันโรคนิ่วในไต
นิ่วในไตส่วนมากแล้วจะเกิดขึ้นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง มังคุดมีสรรพคุณในการขับปัสสาวะซึ่งจะช่วยในการป้องกันโรคนิ่วในไตได้ ดังจะสังเกตได้จากการที่ผู้ชายดื่มน้ำมังคุดมากกว่า 3 ออนซ์ขึ้นไป พวกเขาจะขับปัสสาวะบ่อยกว่าปกติภายใน 24 ชั่วโมง แรก

23. ช่วยชะลอการร่วงโรยแห่งวัย
มังคุดคือผลไม้มหัศจรรย์ที่ช่วยป้องกันและต่อต้านการร่วงโรยแห่งวัยนานับ ประการทั้งในด้าน ความเสื่อมโทรมทางสติปัญญา การย่อยอาหาร ไขข้อ กระดูก กล้ามเนื้อ และตา

24. ป้องกันและย่นระยะการติดเชื้อไวรัส
มังคุดได้แสดงผลอันน่าพึงพอใจในการเร่งความสามารถในการกำจัดและรักษาโรคจาก เชื้อไวรัสได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อรับประทานมังคุดเป็นอาหารเสริมทุกวันจะช่วยส่งเสริมให้ร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันในการต่อต้านและป้องกันเชื้อไวรัสได้

25. ช่วยในการย่อยอาหาร
เปลือกของมังคุดประกอบด้วยไฟเบอร์จำนวนมากซึ่งไฟเบอร์นี่เองที่มีส่วยช่วยใน การผลักดันของเสียออกจากร่างกายผ่านทางลำไส้อย่างรวดเร็วและช่วยป้องกัน อาการท้องผูกและความเป็นไปได้ในการเกิดมะเร็งในลำไส้ไฟเบอร์จะไปช่วยควบคุม ระดัคอเลสเตอรอลโดยการกำจัดน้ำดีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายทิ้งไป

Thursday, July 28, 2011

World's 50 most delicious foods แกงมัสมั่นไทย ติดอันดับ1 อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก


1. Massaman curry, Thailand


Emphatically the king of curries, and perhaps the king of all foods. Spicy, coconutty, sweet and savory, its combination of flavors has more personality than a Thai election.

Even the packet sauce you buy from the supermarket can make the most delinquent of cooks look like a Michelin potential. Thankfully, someone invented rice, with which diners can mop up the last drizzles of curry sauce.

“The Land of Smiles” isn’t just a marketing catch-line. It’s a result of being born in a land where the world’s most delicious food is sold on nearly every street corner.


เว็บไซต์ cnn go ท่องเที่ยวกินดื่ม และรวบรวมเรื่องราวและวัฒนธรรมทั่วโลก ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น จัดอันดับสุดยอด 50 เมนูอาหาร ที่เรียกได้ว่าเป็นอาหารระดับโลก โดยสำรวจเมนูอาหารที่อร่อยที่สุดจากโพลล์ในเฟซบุ๊ก ผลปรากฏว่าจาก 50 อันดับเมนูอาหารที่ได้รับการโหวต มีอาหารไทยติดอันดับหลายรายการ


โดยอันดับ 1 เป็น แกงมัสมั่น ที่ชนะเลิศทุกเมนูทั่วโลก ขณะที่ ต้มยำกุ้ง ติดอันดับที่ 8 อันดับ 19 กับน้ำตกหมู และอันดับที่ 46 ส้มตำ

Friday, July 22, 2011

Google+ ใช้งานบน iPhone ได้แล้ว

แอปฯ กูเกิลพลัส บนไอโอเอส -ภาพจาก Engadget
ถึงเวลาได้เฮเสียทีสำหรับคนในแวดวงกูเกิลพลัส (Google+) ล่าสุดแอปเปิล (Apple) ได้พิจารณาให้ Google+ ถูกบรรจุลงแอปสโตร์ (App Store) แล้ว โดยหน้าตาแตกต่างจากแพล็ตฟอร์มแอนดรอยด์เพียงเล็กน้อย พร้อมด้วยฟีเจอร์ Huddle แต่แอปฯ ดังกล่าวมีให้โหลดเฉพาะบนแอปสโตร์ อเมริกา

หลังจากที่กูเกิลได้เปิดตัวโครงการใหม่ในนาม กูเกิลพลัส และถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ ถึงตอนนี้แอปสโตร์ แหล่งรวบรวมแอปพลิเคชันของแอปเปิลได้อนุญาตให้กูเกิลพลัส สามารถใช้งานได้บนแพล็ตฟอร์มของไอโอเอสแล้ว โดยมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาของแอปฯ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในส่วนของฟีเจอร์อื่นๆผู้พัฒนาได้นำบริการต่างๆใส่ลงในแพล็ตฟอร์มไอโอ เอสอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสตรีม, แวดวง และฮัดเดิล (ที่เป็นบริการส่งข้อความแบบกลุ่ม) เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ดีกูเกิลพลัส บนแพล็ตฟอร์มไอโอเอส ถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้ไอโฟน ส่วนผู้ใช้ไอแพด หรือไอพอด ทัช คงต้องรอเวอร์ชันใหม่ที่รองรับอุปกรณ์ดังกล่าวจากผู้พัฒนา ทั้งนี้ผู้ใช้ไอโฟนในประเทศไทยยังไม่สามารถโหลดกูเกิลพลัสได้ เนื่องจากทางแอปสโตร์ได้กำหนดให้เฉพาะผู้ใช้งานในอเมริกาเท่านั้น

: manager.co.th

Samsung Galaxy S2

ถึงคราวซัมซุงเปิดสงครามถล่มราคาสมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ แบบ ดูอัลคอร์ (Dual-Core) ด้วยการกำหนดราคาจำหน่ายสุทธิเพียง 18,900 บาท ทำให้ถือเป็นการเปิดสงครามสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ระหว่างอินเตอร์แบรนด์ด้วยกัน หลังแอลจีเริ่มทำตลาดมาเกือบเดือน ส่วนทางเอชทีซีเองก็มีนโยบายเปิดจองในราคาเดียวกัน
การเข้ามาของสมาร์ทโฟนดูอัลคอร์ ถือเป็นการกำหนดสเปกของสมาร์ทโฟนในตลาดไปโดยปริยาย จะเห็นได้จากเครื่องรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำตลาดในช่วงราคาเกือบ 2 หมื่นบาทของทั้ง ซัมซุง Galaxy S2 แอลจี Optimus 2X และเอชทีซี Sensation จะใช้หน่วยประมวลผลแบบดูอัลคอร์ด้วยกันทั้งหมด แต่เนื่องจาก Optimus 2X ออกมาวางจำหน่ายก่อนจึงเป็นรุ่นเดียวที่ใช้ซีพียู 1GHz
จุดเด่นของซัมซุง Galaxy S2 ที่ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองในเมืองไทยขณะนี้คือ หน่วย ประมวลผล Exynos หรือที่รู้จักกันในโค้ดเนม Orion ที่มาพร้อมความเร็ว 1.2 GHz และหน่วยประมวลผลภาพ Mali-400 MP ที่ช่วยประมวลผลภาพยนตร์ความละเอียด 1080p ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้สามารถใช้งานไฟล์และแอปฯในระบบ Hi-Def ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงยังเป็นเครื่องที่รองรับ 3G ในเครือข่าย Quad-Band กล่าวคือรองรับคลื่นความถี่ทั้ง 850/900/1900/2100 MHz ทำ ให้สามารถเข้าไปทำตลาดได้กับทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์หลักในประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่ทางซัมซุงประเทศไทยออกมาประกาศว่าเครื่องที่ซื้อในประเทศ ไทยจะมีการล็อกคลื่นความถี่เพื่อปรับจูนให้เหมาะสมกับการใช้งานโอเปอเรเตอร์ นั้นๆ
Feature On Samsung Galaxy S2

Galaxy S2 ยังมาพร้อมกับอินเตอร์เฟส TouchWiz 4.0 ที่มีการปรับปรุงความสามารถให้เหมาะกับรูปแบบการใช้งานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดเรียงวิตเจ็ตที่หน้าจอหลักทั้ง 7 หน้า พร้อมมุมมองแบบ Helicopter View ที่ช่วยให้ดูหน้าหลักทั้ง 7 หน้าพร้อมๆ กันได้

ขณะที่แถบแจ้งเตือนยังคงมีปุ่มลัดสำหรับเปิด-ปิดการใช้งาน ไวไฟ บลูทูธ จีพีเอส เสียง และระบบหมุนหน้าจอ ซึ่งถ้ามีการเปิดเพลงฟังอยู่จะมีแถบควบคุมเพลงขึ้นมาให้ด้วย เช่นเดียวกับหน้าจอปลดล็อกที่ยังใช้สไตล์ในการสบัดกรอบที่คลุมหน้าจอทิ้ง เพื่อเข้าใช้งาน
ล่างหน้าจอหลักมีไอค่อนหลัก 4 ไอค่อนสำหรับเป็นทางลัดเข้าโหมดใช้งานโทรศัพท์ ดูรายชื่อผู้ติดต่อ ข้อความ และเข้าสู่เมนูแอปพลิเคชันทั้งหมด ที่สามารถเลือกเปลี่ยนได้จากในหน้าเมนูหลัก ทั้งนี้สามารถกดปุ่มซอฟต์คีย์ค้างเพื่อสลับการใช้งานระหว่างแอปฯได้เหมือน เช่นเดิม

หน้าจอเมนูหลักของ Galaxy S2 ยังคงเป็นแบบหน้าๆ เพิ่มไปตามจำนวนแอปฯ โดยใช้การเลื่อนซ้าย-ขวา เพื่อเปลี่ยนหน้า ซึ่งในเวอร์ชันนี้ ผู้ใช้สามารถสร้างโฟลเดอร์เพื่อรวมแอปฯประเภทเดียวกันไว้ด้วยกันได้ หรือสร้างหน้าใหม่ขึ้นมาเพื่อเรียงแอปฯไว้ในหมวดเดียวกัน
โดยแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ที่ซัมซุงพรีโหลดมาให้ในเครื่องยังคงเป็นแอปฯ พื้นฐานที่มากับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ มีที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาอย่าง Game Hub, Readers Hub, Social Hub, Music Hub, AllShare, Kies air, Photo-Video editor, SamsungApps, Taskmanager และ IM ที่จะกล่าวถึงรายละเอียดต่อไป

SamsungApps คือช่องทางแนะนำแอปฯที่ซัมซุงพยายามปลุกปั้นขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถ เข้าไปดาวน์โหลดแอปฯที่น่าสนใจได้ง่ายขึ้น โดยมีหัวข้อหลักๆให้เลือกเป็นแอปฯน่าสนใจ จำนวนคนดาวน์โหลดสูงสุด แบ่งตามหมวหมู่ และค้นหาจากชื่อ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ไม่แตกต่างจากไปค้นหาในแอนดรอยด์มาเก็ต

ส่วนของ Game Hub ก็จะเป็นแหล่งรวมเกมให้ดาวน์โหลดซึ่งจะเป็นเป็น เกมทางสังคม หรือเกมในโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เมื่อดาวน์โหลดมาเล่นต้องมีการซิงค์เข้ากับ เฟซบุ๊กเป็นต้น ขณะที่อีกส่วนคือเกมพรีเมียมที่ในปัจจุบันจะมีแต่จากค่าย Gameloft มาให้โหลดเพื่อทดลองเล่น แต่ถ้าต้องการตัวเต็มก็สามารถซื้อเพิ่มจากมาเก็ตได้

Reader Hub เป็นแอปฯที่เคยถูกแนะนำมาแล้วครั้งหนึ่งใน Galaxy Tab ซึ่งเป็นแอปฯสำหรับใช้อ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หนังสือต่างๆจาก Kobo ที่สามารถเลือกคอนเทนต์จากภายในฮับได้ทันที

การแสดงผลของหนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆ จะมาในรูปแบบคล้ายๆไฟล์ pdf ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วเพื่อพินช์ซูมได้เหมือนอ่านไฟล์เอกสารทั่วไป สั่งเปลี่ยนหน้าโดยการใช้นิ้วสไลด์เหมือนเปลี่ยนรูปภาพ ซึ่งจากขนาดหน้าจอ 4.3 นิ้ว น่าจะถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเสพย์ข้อมูลได้เป็นอย่างดี
ส่วน SocialHub เองซัมซุงไม่ได้มีการพัฒนาจากในรุ่นก่อนหน้านี้เท่าใดนัก มักใช้ในการอ่านฟีดสถานะใหม่จากทั้งทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่นๆ รวมไปถึงเข้าไปยังโปรแกรมแชตที่มาให้ใน IM ส่วน MusicHub นั้นยังไม่สามารถใช้งานในประเทศไทยได้

จากความที่ตัวเครื่องมีไวไฟ ที่รองรับ DLNA จึงสามารถใช้งานแอปฯ AllShare เพื่อส่งต่อไฟล์วิดิโอ รูปภาพ เพลง ไปยังอุปกรณ์ที่รองรับอย่างพีซี โน้ตบุ๊ก และยังสามารถใช้ S2 เป็นรีโมทควบคุมโทรทัศน์ที่รองรับระบบ DLNA ได้ด้วยเช่นกัน

Kies Air เป็นอีกหนึ่งระบบการซิงค์ข้อมูลที่ทางซัมซุงพัฒนาขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนไฟล์ระ หว่างสมาร์ทโฟนและพีซี โดยใช้ความสามารถของไวไฟ จากเดิมที่ผู้ใช้ต้องเชื่อมต่อสายยูเอสบี หรือใช้บลูทูธในการเชื่อมต่อนั่นเอง
การใช้งานผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องลงแอปฯในพีซีแต่อย่างใด เพียงแต่เปิดเว็บเบราว์เซอร์พิม URL ที่ปรากฏบนหน้าจอเข้าไป หลังจากนั้นก็จะสามารถใช้งานเพื่อเรียกดูข้อมูล ไฟล์รูปภาพ วิดีโอ สั่งเล่นเพลง ตั้งเสียงเรียกเข้า อ่านข้อความ ดูรายชื่อผู้ติดต่อ ย้ายไฟล์ จากหน้าเว็บเบราว์เซอร์ได้ทันที

TaskManager เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ผู้ใช้ควรเข้า มาใช้งานบ่อยๆ เนื่องจากการเปิดหลายๆแอปฯค้างไว้ จะทำให้ S2 มีระยะเวลาการใช้งานต่อวันสั้นลง ดังนั้นถ้ามีความจำเป็นต้องเดินทางหรือใช้เวลาอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน TaskManager ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี

ฟังก์ชันกล้องถ่ายรูปมีการพัฒนาอินเตอร์เฟสในการใช้งานให้เหมาะสมกับ การใช้งานมากขึ้น โดยแบ่งปุ่มควบคุมออกเป็น 2 ฝั่งซ้าย-ขวา พื้นที่ตรงกลางถูกปล่อยว่างไว้เพื่อเป็นช่องดูภาพ
แถบฝั่งซ้ายประกอบไปด้วยปุ่มสลับกล้องหน้าหลัง เปิด-ปิดแฟลช มีพื้นที่ว่างสำหรับใส่ไอคอนลัดในการปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ และปุ่มเข้าสู่การตั้งค่าทั้งหมด ส่วนฝั่งขวามีปุ่มสลับโหมดถ่ายภาพและวิดีโอ ปุ่มชัตเตอร์กล้อง และเข้าสู่อัลบั้มภาพ
เมนูการตั้งค่ากล้องประกอบไปด้วยตั้งรูปแบบการถ่ายภาพ เลือกฉาก เอฟเฟกต์ ปรับค่าสมดุลแสงขาว ปรับค่าความไวแสงตั้งแต่อัตโนมัติ – 800 ตั้งจุดวัดแสง เลือกความละเอียดภาพ ตามปกติของกล้องบนสมาร์ทโฟนทั่วๆไป

Photo editor เป็นโปรแกรมตกแต่งภาพเบื้องต้นที่ซัมซุงมีมาให้ภายในเครื่อง โดยผู้ใช้สามารถเลือกภาพจากอัลบั้ม หรือถ่ายภาพใหม่ เพื่อนำมาใส่เอฟเฟกต์ ปรับสี ครอบรูป รวมถึงใช้โหมดตกแต่งภาพปรับเอฟเฟกต์เฉพาะส่วนที่ต้องการก็ได้

ส่วนโปรแกรมตัดต่อวิดีโอก็เช่นกัน สามารถใช้ตัดต่อแบบพื้นฐาน ใส่ธีม เลือกช่วงเวลา ใส่เอฟเฟกต์ระหว่างทรานซิชันวิดีโอ แม้ว่าจะไม่สามารถใช้งานได้เหมือนในพีซี แต่ก็ช่วยเพิ่มความสนุกในการใช้งาน

การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ของแอนดรอยด์ยังคงมีจุดเด่นอยู่ที่สามารถ ใช้งานแฟลชได้ และเมื่อหน่วยประมวลผลเร็วขึ้น ความลื่นไหลในการใช้งานก็เพิ่มขึ้นด้วย การแสดงผลสามารถซูมเข้า-ออกได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เมื่อใช้งานร่วมกับโมชันเซ็นเซอร์ของเครื่อง

แอปฯสำหรับฟังเพลงยังมีรูปแบบการแสดงผลง่ายๆให้ผู้ใช้สามารถเลือกดู เพลงทั้งหมด จากเพลยลิสต์ อัลบั้ม ศิลปิน หน้าจอขณะฟังเพลงมีการแสดงปกอัลบั้มพร้อมกราฟิก สามารถกดให้เล่นสุ่ม เล่นซ้ำ กดเมนูเพื่อเลือกเก็บเพลงเข้าเพลยลิสต์ ตั้งฟังผ่านหูฟังบลูทูธ ส่งต่อเพลง ตั้งเพลง เลือกเอฟเฟกต์เสียง

การใช้งานโมชันเซ็นเซอร์ใน S2 ถูกเพิ่มความสามารถเพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น การสัมผัสค้างกลางหน้าจอและแพนเครื่องไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อสลับไปยังหน้าถัดไป การใช้ 2 นิ้วสัมผัสที่หน้าจอและเอียงจอขึ้นลง เพื่อซูมเข้า-ออก ในขณะที่มีสายเรียกเข้าสามารถคว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง แตะที่ส่วนบนเครื่อง 2 ทีเพื่อเข้าสู่โหมดสั่งงานด้วยเสียงเป็นต้น

โหมดโทรศัพท์ยังคงเป็นเช่นเดียวกับใน Galaxy S รุ่นก่อนหน้านี้ กล่าวคือมีปุ่มกดตัวเลขพร้อมระบบคาดเดารายชื่อ และเนื่องจากมีกล้องหน้าจึงสามารถใช้งานเป็นวิดีโอคอลล์บนเครือข่าย 3G ได้ หน้าจอสายเรียกเข้าใช้การสไลด์เพื่อรับสายเช่นเดิม
ที่น่าสนใจคือโหมดตัดเสียงรบกวนที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี สามารถเข้าไปเปิดใช้ได้จากกดปุ่มเมนูในขณะโทรศัพท์เพื่อเลือกโหมดตัดเสียง รบกวน และจะมีสัญลักษณ์ขึ้นแสดงบนหน้าจอ ส่วนปุ่มคำสั่งขณะสนทนาประกอบไปด้วย ปุ่มเพิ่มสาย คีย์แพด วางสาย เปิดลำโพง ปิดเสียง และใช้งานหูฟัง

คีย์บอร์ดใน Gaaxy S2 ยังคงเป็นแบบ Swype ที่มีให้เลือกใช้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษเช่นเดียวกับใน Galaxy S รุ่นแรกที่ออกวางจำหน่าย การใช้งานคีย์บอร์ดทำออกมาได้ค่อนข้างดี ถือว่าเป็นหนึ่งในคีย์อบอร์ดภาษาไทยที่ประสบความสำเร็จในแอนดรอยด์โฟนก็ว่า ได้

การตั้งค่าต่างๆภายในแอนดรอยด์ 2.3 นั้นนอกจากการตั้งค่าทั่วๆไปอย่างการเชื่อมต่อ โทรศัพท์ เสียง หน้าจอ โลเคชัน แอปพลิเคชัน หน่วยเก็บข้อมูล ภาษา คีย์บอร์ด คำสั่งเสียง วันเวลาแล้ว ที่มีเพิ่มขึ้นมาคือโหมดประหยัดพลังงาน การตั้งค่าโมชันเซ็นเซอร์ ตั้งค่าดอกกิ้ง เป็นต้น

ในส่วนของสเปกภายในของ Samsung Galaxy S2 ที่ขายจริงจะใช้หน่วยประมวลผล Exynos (Orion) ความเร็ว 1.2 GHz และหน่วยประมวลผลภาพ Mali-400 MP หน่วยความจำภายใน 16 GB ROM 2 GB RAM 1 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.3.3 หน้าจอสามารถรองรับมัลติทัชได้ทั้งหมด 10 จุดด้วยกัน ผลการทดสอบประสิทธิภาพบนโปรแกรม Quadrant Advance ได้คะแนนที่ 3003 คะแนน ส่วน SmartBench 2011 อยู่ที่ 3425 คะแนน
ที่น่าสังเกตคือตรงส่วนของซีพียูเครื่องที่ทีมงานได้รับมาทดสอบนั้น Max Freq. ในหลายๆโปรแกรมแสดงผลสูงสุดแค่ 1 GHz เท่านั้น เลยยังไม่ขอยืนยันว่าเครื่องที่ได้รับมานั้น เป็นเครื่องสเปกที่วางจำหน่ายจริงหรือไม่ เพราะถ้าไม่ใช่คะแนนการเทสต่างๆคงทะยานขึ้นไปสูงกว่านี้

ขณะที่การประมวลผลภาพบน NenaMark 1 และ 2 ได้เฟรมเรทอยู่ที่ 59.8 FPS และ 36.1 FPS ตามลำดับ An3DBench และ An3DBenchXL อยู่ที่ 7621 และ 28838 ส่วน Neocore ได้เฟรมเรทอยู่ที่ 59.7 FPS
ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปเทียบกับหน่วยประมวลผลจากค่ายการ์ดจออย่าง Nvidia Tegra 2 แล้ว พบว่า การทำคะแนนต่างๆของ S2 เครื่องที่ได้มาทดสอบนั้นค่อนข้างต่ำกว่า จึงอาจเป็นไปได้ว่าเครื่องที่ได้รับมานั้นมีการล็อกไว้ไม่ให้ประมวลผลเร็ว เกิน 60 FPS ซึ่งอาจจะเพื่อกันไม่ให้แบตเตอรีหมดเร็วก็เป็นได้
Design of Samsung Galaxy S2

ในเรื่องการออกแบบของ Galaxy S2 คงไม่ต้องไปพูดถึงว่ามีส่วนคล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟนเจ้าใดในตลาด เพราะปัจจุบันยังมีการฟ้องร้องเรียกสิทธิความเป็นเจ้าของดีไซน์กันอยู่ เรื่อยๆ แต่ที่น่าสนใจคือวัสดุการประกอบของ Galaxy S2 ที่แม้จะเป็นเครื่องระดับไฮเอนด์ แต่ยังให้ความรูปสึกบอบบางอย่างสัมผัสได้
ความบอบบางของ Galaxy S2 มาพร้อบกับขนาดเครื่อง 125.3 x 66.1 x 8.5 มิลลิเมตร และน้ำหนักตัว 116 กรัม ซึ่งเรียกได้ว่ามีความบางเกือบจะที่สุดของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ทำให้วัสดุที่ใช้เป็นตัวเครื่องส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกคุณภาพสูงที่มีการ ยืดหยุ่น ที่หุ้มด้วยโครเมี่ยมทำให้ดูค่อนข้างมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นจาก Galaxy S
ด้านหน้า – ไล่จากส่วนบนประกอบไปด้วย กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง และเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า ที่เรียงกันอยู่ข้างๆลำโพงสนทนา ที่เป็นขีดแนวยาวนูนขึ้นจากพื้นผิวเล็กน้อย
ถัดลงมาเป็นหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 4.3 นิ้ว ที่เพิ่มความแข็งแกร่งจากกระจกกอริลากลาส โดยหน้าจอเป็นทัชสกรีนแบบ Capacitive 16 ล้านสี ความละเอียด 480 x 800 พิกเซล ล่างหน้าจอมีปุ่มเมนู (สัมผัสค้างเพื่อเข้าสู่โหมดค้นหา) และย้อนกลับที่เป็นแบบสัมผัส และซอฟต์คีย์ตรงกลางสำหรับกลับหน้าแรก (กดค้างเพื่อเรียกดูแอปฯที่ใช้ย้อนหลัง)

ด้านหลัง – พื้นผิวสัมผัสบริเวณฝาหลังถูกทำให้มีความสากเล็กน้อยเพื่อช่วยให้จับตัว เครื่องได้กระชับมือมากยิ่งขึ้น โดยตรงกลางบนจะมีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแอลอีดี และมีตราซัมซุงอยู๋บริเวณล่าง จุดที่น่าสนใจคือบริเวณส่วนล่างของเครื่องจะมีความนูนขึ้นบริเวณปลายเล็ก น้อย ซึ่งเป็นที่อยู่ของลำโพงสเตอริโอ และยังช่วยให้จับตัวเครื่องได้กระชับมือขึ้นอีกเช่นกัน

เมื่อเปิดฝาหลังออกมาจากการเลาะตัวล็อกบริเวณขอบราว 17 ตัว จะปรากฎช่องใส่ซิมการ์ดที่อยู่ล่างกล้อง ถัดลงมาเป็นช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดที่อยู๋เยื้องไปทางซ้าย และช่องใส่แบตเตอรี Li-ion ขนาด 1,650 mAh ตัวฝาหลังเองมีความยืดหยุ่นค่อนข้างมากทำให้สามารถงอได้โดยที่พลาสติกไม่หัก ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการรองรับแรงกระแทกเพิ่มขึ้น


ด้านซ้าย – มีรูร้อยสายโทรศัพท์ และปุ่มปรับระดับเสียง ด้านขวา - มีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง (ผู้ใช้สามารถกดปุ่มซอฟต์คีย์พร้อมกับปุ่มเปิดเครื่องเพื่อจับภาพหน้าจอได้ด้วย)


ด้านบน - มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และรูไมโครโฟนช่วยไว้ช่วยตัดเสียงรบกวนเวลาเปิดลำโพงสนทนา ด้านล่าง - มีพอร์ตไมโครยูเอสบี ไว้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ สายชาร์จ และยังใช้เป็น HDMI-Out ได้อีกด้วย
บทสรุป
การเปิดราคาของ Galaxy S2 ที่ 18,900 บาท อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้ที่กำลังรอจังหวะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่อง ใหม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น พร้อมกับเป็นตัวผลักดันให้แบรนด์อื่นๆต้องกดราคาเครื่องในระดับเดียวกันลงมา ตาม งานนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้บริโภคอย่างแน่นอน
นอกจากเรื่องของสเปกแล้วจุดที่ทำให้ Galaxy S2 ดูน่าสนใจคงหนีไม่พ้นหน้าจอ Super AMOLED Plus ขนาด 4.3 นิ้ว ที่ถือว่าเป็นขนาดใหญ่สุดสำหรับสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ใครที่เคยได้เห็นและสัมผัสคงนึกได้ว่าสีสันที่ฉูดฉาดบาดตา ช่วยเพิ่มความรู้สึกต่อการตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก แต่ควรพึงระวังไว้ว่าภาพที่เห็นในโทรศัพท์กับภาพจริงคุณภาพอาจไม่เท่ากัน
ส่วนการรองรับ 3G แบบ QuadBand ที่ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 21 Mbps และความเร็วอัปโหลด 5.76 Mbps นั้นแม้ว่าทางซัมซุงจะมีการล็อกคลื่นความถี่เฉพาะกับแต่ละโอเปอเรเตอร์ (AIS 900 MHz / Dtac-True 850 MHz) แต่ยังมีคลื่นหลักอย่าง 2100 MHz ให้ได้ใช้งานกัน ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกคลื่นได้จากการลงเฟิร์มแวร์ใหม่เอง หรือกดจาก *#2263# เพราะจากเครื่องที่ทีมงานได้มาทดลองใช้นั้นสามารถใช้งาน 3G ได้ทุกคลื่นความถี่
แน่นอนว่ายังมีการเชื่อมต่อจาก ไวไลสที่รองรับมาตรฐาน 802.11 b/g/n ที่สามารถใช้งาน Wi-Fi Direct, DLNA และเป็น Hot-Spot ได้ด้วย รวบกับบลูทูธ 3.0 ทำให้เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ครบครันเครื่องหนึ่งในตลาดเลยก็ว่าได้
ขณะที่ความสามารถทางด้านมัลติมีเดียนั้น กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ยังสามารถใช้ถ่ายวิดีโอระดับ 1080p และใช้ความสามารถของหน่วยประมวลผลช่วยให้สามารถเล่นไฟล์ระดับ Full HD ได้อย่างไม่กระตุก ยังไม่นับรวมเกมความละเอียดสูงที่กำลังจะตามออกมา ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับจอโทรทัศน์ผ่านยูเอสบีจากอุปกรณ์เสริมที่แปลงหัว เป็น HDMI ได้
สุดท้ายในส่วนของเสียงสนทนา Galaxy S2 ทำออกมาได้ค่อนข้างดี เสียงดังฟังชัดเจน แต่ในเรื่องของระยะเวลาการใช้งานแม้ว่าจะให้แบตฯขนาด 1,650 mAh มาก็ตาม หน่วยประมวลผลแบบดูอัลคอร์ และหน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว ยังคงใช้ปริมาณแบตฯค่อนข้างเยอะ ทำให้ระยะเวลาการใช้งานยังอยู่ในระดับไม่ถึงวันถ้าใช้งานหนักๆ แต่ถ้ามีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เปิดพุชเมล ซิงค์โซเชียลเน็ตเวิร์ก ให้ทำงานตลอดเวลา คงอยู่ได้ไม่ถึงวันอย่างแน่นอน
ขอชม
- Dual-Core 1.2GHz ในราคา 18,900 บาท
- หน้าจอ Super AMOLED Plus ขนาด 4.3 นิ้ว ให้สีสันสดใส
- รองรับ 3G Quad-Band
- รองรับไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูง 1080p และเกม HD
ขอติ
- เครื่องที่วางจำหน่ายในไทย ไม่รองรับ NFC
- ตัวเครื่องทำจากพลาสติกเป็นหลักทำให้ดูบอบบาง
- หน้าจอยังเป็น WVGA ขณะที่ Atrix/Sensation เป็น qHD

ที่มา Manager Online

Wednesday, June 22, 2011

บั้นท้ายดำคล้ำ-แตกลาย ..แก้ไขได้

แม้ว่า ก้น จะเป็นอีกจุดซ่อนเร้น ที่มิใช่ว่าใครจะมองเห็นได้ง่ายๆ เมื่อมีปัญหาบั้นท้ายดำคล้ำ หรือเกิดรอยแตกลาย จึงไม่น่าจะมีปัญหา ทว่าแท้จริงแล้วไม่เลยค่ะ เพราะมีสาวเราจำนวนไม่น้อยเลย ที่ต้องนั่งกลุ้มอกกลุ้มใจเมื่อก้นของเธอเต็มไปด้วยรอยกระดำกระด่าง
       ก็สาวเราน่ะ ยอมได้ที่ไหน อยากสวยตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้ากันทั้งนั้น แค่คิดว่าใส่บิกินี่ (Bikini) แล้ว รอยแตกลายโผล่ จนหนุ่มริมสระแอบหัวเราะคิกคัก ก็แทบเกินทน นี่ยังไม่นับความกังวลใจซึ่งสาวบางนาง ถึงกับไม่กล้าเปิดไฟกุ๊กกิ๊กกับแฟนหนุ่ม ด้วยกลัวจะถูกแซวเป็น “แม่สาวตูดลาย”
      
       หลายคนเลือกใช้วิธีขัดถู หาสารพัดครีมมาทา หวังให้รอยดำที่บั้นท้ายได้จางลง แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่บรรเทา ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะคุณแก้ปัญหาไม่ถูกจุด!
      
       ว่าแล้วเรามาเจาะลึกหาสาเหตุ พร้อมวิธีแก้ไขอย่างถูกต้อง เพื่อให้บั้นท้ายกลับมาไฉไลไปกับ แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท กันค่ะ
       สิว-แตกลาย-รอยดำ อาการฮิตที่พบบนบั้นท้าย
       แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังกล่าว ว่าอาการก้นลายมีอยู่ 3 ลักษณะด้วยกัน คือ ก้นลายจากรอยสิว, จากรอยผื่นแพ้, และจากรอยแตก อันเนื่องมาจากการที่ร่างกายเติบโตเร็ว
      
       “ก้นลาย ก้นไม่สวย มีหลายลักษณะด้วยกัน หนึ่ง-ก้นลายจากการเป็นสิว เมื่อสิวหายก็ทำให้เกิดรอยดำ ดูกระดำกระด่าง แบบนี้จะเจอบ่อยที่สุด สอง-ก้นลายจากการเป็นรอยแตกลาย ซึ่งมีทั้งรอยแตกลายจากการที่ร่างกายเติบโตเร็ว ก็เกิดเป็นรอยแตกลายที่ก้นได้ หรือคนที่อ้วน คนที่ตั้งครรภ์ อันนี้ก็เกิดเป็นลายอีกลักษณะหนึ่ง และสาม-ก้นลายจากรอยดำ ที่เคยเป็นผื่นแพ้ เช่น เป็นผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณก้นแล้วเหลือเป็นรอยดำตามมา
      
       สำหรับลักษณะของรอยแต่ละแบบมีความ ต่างกันเล็กน้อย แต่บางคนก็แยกไม่ออก หรือบางคนก็มีหลายอย่างปนกัน คือ มีทั้งแตกลายจากการโตเร็ว และมีทั้งรอยดำจากสิวปนกันไปหมด ทำให้ก้นไม่สวย”
      
       รักษาสิวและเลี่ยงกางเกงอับ บันไดสู่บั้นท้ายเนี้ยบนิ้ง !
      
       “วิธีการรักษาก้นลายจากสิวและจากผด ผื่นแตกต่างกันไป อย่างเช่น หากเกิดจากสิว เราต้องดูว่า มันเป็นสิวจริง หรือสิวผด หรือรูขุมขนอักเสบ ต้องแยกกันไป เพราะบางคนเป็นสิวจริง เหมือนกับสิวที่เกิดบนใบหน้า แบบนั้นวิธีรักษาก็จะเหมือนการรักษาสิวที่ใบหน้า แต่บางคนอาจเป็นลักษณะของผดร้อน เนื่องมาจากใส่กางเกงที่ระบายอากาศไม่ดี ตอนที่ออกกำลังกายแล้วก็เกิดเป็นผดร้อน เหมือนเวลาที่เด็กๆ มีผดร้อน หรืออาจจะเป็นรูขุมขนอักเสบ คือ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเหล่านี้ต้องให้แพทย์วินิจฉัย เพื่อที่จะแยกโรค เพราะการรักษาจะต่างกันเล็กน้อย
      
       ดังนั้นการรักษาจะต้องรักษาสิวหรือผด ผื่นเสียก่อน หลังจากนั้นก็ดูเรื่องของรอยดำอีกที ซึ่งวิธีการรักษารอยดำไม่ต่างจากรอยดำบนใบหน้า คือ ใช้ยาในกลุ่ม ต้านการสร้างเม็ดสี หรือการใช้วิตามิน เช่น วิตามินซี (Vitamin C) ที่ช่วยลดรอยด่างดำ รวมไปถึงการใช้ กรดผลไม้ ทาเพื่อให้ผิวผลัดเซลล์ผิวเร็วขึ้น หรือใช้พวกเลเซอร์ไอพีแอล (IPL) เหมือน เวลาเรายิงเลเซอร์แก้ปัญหารอยดำของสิวบนใบหน้า ซึ่งนำเลเซอร์นี้มาใช้กับผิวบริเวณก้นได้เหมือนกัน” คุณหมอสาวอธิบายอธิบายถึงแนวทางการรักษาอาการก้นลาย ที่เกิดจากสิวและผดผื่น
      
       ก้นแตกลายเพราะโตเร็ว รักษายาก! ต้องพึ่งพิงเลเซอร์
       ส่วนการรักษาก้นลายอันเนื่องมาจากรอย แตก เพราะร่างกายเติบโตเร็วนั้น แพทย์สาวแห่งโรงพยาบาลสมิติเวช อธิบายตามตรงว่า รักษาได้ค่อนข้างยาก หากอยากบั้นท้ายนวลเนียนจริงๆ คงต้องพึ่งเลเซอร์ค่ะ
      
       “ในส่วนของก้นลายที่เกิดจากรอยแตกลาย จะรักษาได้ยากนิดนึง เพราะว่ารอยแตกลาย มันไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีที่ผิวหนัง แต่มันเป็นเรื่องของคอลลาเจน (Collagen) ใต้ผิวหนัง มีการฉีกขาดจนทำให้เกิดเป็นเหมือนลักษณะผิวไม่เรียบ คือไม่ใช่แค่ว่ามันดำอย่างเดียว หรือว่าแดงอย่างเดียว ดังนั้นจึงรักษายากกว่า อาจจะต้องใช้พวกเลเซอร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิวแบบแยกส่วน ซึ่งจะได้ผลดีพอสมควร”
      
       วิธีบรรเทาป้องกันอาการก้นแตกลาย
       “สมมุติว่าเราเป็นคนมีสิวที่ก้นง่าย ก็ไม่ควรใช้พวกโลชั่นที่มันมีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันมากขึ้น หรือบางคนชอบขัดผิว พวกนี้ทำมากไปก็ไม่ดี เช่นการใช้บอดี้สครับ (Body Scrub) ขัด รุนแรงมากๆ เช่นนี้ อาจเป็นการไปกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง หรือกระตุ้นให้เกิดสิวด้วยซ้ำ และการที่เราออกกำลังกาย แล้วใส่กางเกงที่อับไม่มีการระบายอากาศ ก็อาจจะทำให้เกิดผื่นเล็กๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายสิวได้เหมือนกัน
      
       ส่วนการเลี่ยงรอยแตก คุณหมอธิดากานต์ยอมรับว่า
      
       “ป้องกันยากค่ะ เพราะหนึ่ง-รอยแตกดังกล่าว เกิดขึ้นตอนร่างกายเราเติบโตในช่วงวัยรุ่น บางคนจะโตไว ร่างกายขยายไว และเกิดรอยแตกลายได้ ซึ่งป้องกันยาก เนื่องจากในช่วงวัยรุ่นเราจะไม่ให้ร่างกายเติบโตก็ไม่ได้ ดังนั้นอาจจะทำได้แค่ ในช่วงที่กำลังโต พยายามทาโลชั่นเพื่อให้ผิวไม่แห้ง ซึ่งอาจจะช่วยได้ระดับหนึ่ง สอง-ในกรณีผู้ใหญ่ ต้องควบคุมน้ำหนัก อย่าให้น้ำหนักขึ้นเร็ว ลงเร็ว เพราะการที่อยู่ๆ น้ำหนักขึ้นเร็วมากๆ ตรงนี้แหละที่ทำให้เกิดรอยแตกลายขึ้น”
      
       และสำหรับสาวก้นลายแต่กระเป๋าหนัก ที่มักปลีกเวลาเข้าสปา (Spa) หวังคืนความเนียนใสให้บั้นท้าย คุณหมอบอกว่า สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่งค่ะ
      
       “การเข้าสปาก็ช่วยได้ในแง่ที่ว่าทำ ให้ผิวเนียนขึ้น เพราะเทคนิคการนวดครีม หลักการก็คือ การพยายามทำให้ครีมเข้าสู่ผิวมากขึ้น เพราะปัญหาที่ต้องพบคือ เวลาที่เราทาครีมเข้าไป มันต้องผ่านชั้นผิวหนังหลายชั้น การที่ส่วนประกอบดีๆ ในครีมจะเข้าไปถึงชั้นคอลลาเจนจริงๆ ไม่รู้เท่าไหร่ ทาไปสิบ..อาจจะเข้าไปถึงชั้นคอลลาเจนแค่สอง
      
       ดังนั้นเทคนิคของการทำสปา ไม่ว่าจะเป็นการนวดหรือการห่อตัวที่เขาใช้กัน หลักการคือ ต้องการให้ครีมเข้าสู่ผิว ยิ่งเข้าสู่ผิวเยอะ มันก็เห็นผลเยอะเท่านั้นเอง” คุณหมอธิดากานต์ให้ความรู้
      
       *ต้องรู้ปิดท้าย: หญิงตั้งครรภ์เตรียมรับภาวะก้นลาย+ท้องลาย
       คุณหมอคนสวยบอกด้วยว่า จะพบสภาวะก้นลายและหน้าท้องลายง่ายขึ้นกับกลุ่มสตรีหลังตั้งครรภ์ อันเนื่องมาจากฮอร์โมนเพศที่เปลี่ยนแปลงระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ
      
       “เพราะการตั้งครรภ์ ร่างกายจะขยายทุกส่วน และที่สำคัญคือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen Hormone) หรือฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีมากช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนตัวนี้มีคุณสมบัติข้อหนึ่งคือ ทำให้คอลลาเจนในร่างกายของเราอ่อนแอลง
      
       เมื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนังอ่อนแอลง มันก็จะทำให้เกิดการฉีกขาดได้มากขึ้น และพอร่างกายขยายมันก็ฉีกขาดจนเกิดรอยแตกตามมา ซึ่งตรงนี้มันยับยั้งไม่ได้ เพราะปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนเยอะตามธรรมชาติของการตั้งครรภ์ เราอาจจะทำได้แค่ดูแลให้น้ำหนักตัวขึ้นแค่ตามเกณฑ์ เช่น แพทย์แนะให้ขึ้น 12 กิโลกรัม แต่ดันขึ้นไปถึง 22 กิโลกรัม แบบนี้ร่างกายจะมีส่วนเกินเยอะ ก็จะเกิดรอยแตกลายง่าย
      
       ส่วนโลชั่นที่ทาลดการแตกลาย นั้น จริงๆ แล้ว ยังไม่มีโลชั่นตัวไหนที่พิสูจน์ ว่าสามารถป้องกันรอยแตกได้ 100% เพียงแต่เชื่อกันว่า การใช้โลชั่นที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวจะทำให้การฉีกขาดของคอลลาเจนน้อยลง รอยแตกลายน้อยลง ถ้าผิวชุ่มชื้นขึ้น ก็เปรียบได้เหมือนกระดาษที่เปียก เมื่อเปียกจะเหนียวฉีกยาก ถ้าแห้ง ฉีกปุ๊บมันก็ขาด”
: manager.co.th      
:  http://www.celeb-online.net

Sunday, June 19, 2011

ประเทศไทย กับ อาร์เจนตินา ตัวอย่างแห่ง "หายนะ" ฤาเราจะต้องตามรอย

โดย อัมรินทร์ คอมันตร์

"ผมดูตัวเลขทุกตัวถือว่ามีความสมดุลมากที่ สุดเท่าที่ประเทศไทยมีมา แข็งแรงทุกตัว ใครที่บอกว่า จะพังเหมือนอาร์เจนตินา ผมมองว่าไร้ความรู้สิ้นเชิง ไม่รู้จบมาได้อย่างไร

ไม่ รู้ว่าตอนเรียนไปทำอะไรอยู่ ถ้าดูเป็น โง่อย่างไรก็ต้องยอมรับว่าดี... เป็นคำพูดของคนๆ หนึ่ง ที่ใครไม่เห็นด้วยกับเขา เขาจะเกรี้ยวกราดว่าคนนั้นเป็นคนโง่ เป็นคน...น่าเป็นห่วง"

ชาวบ้าน อาจคิดได้ว่าวันนี้เขาหลงอำนาจไปแล้วหรือ?! ประเทศอาร์เจนตินาเคยมีตัวเลข GDP สูงติดอันดับโลก ตัวเลขแข็งทุกตัวเท่าที่ประเทศอาร์เจนตินามีมา

จึง ขอเล่าเรื่องอาร์เจนตินาให้ฟังพอเป็นสังเขปดังนี้ ประมาณ10ปีที่ผ่านมาประธานาธิบดีขณะนั้นคือ นายอัลฟองซีนที่มจากการเลือกตั้ง ต้องการที่จะพัฒนาอาร์เจนตินา

ให้ เป็นประเทศชั้นนำอันดับหนึ่งของอเมริกาใต้ เขาได้เสนอโครงการพัฒนาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่เคยปรากฏมาก่อนในอาร์เจนตินา เช่น การปฏิรูประบบราชการ

การ เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาครอบครอแผ่นดิน การเอารัฐวิสาหกิจออกมาขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือให้สัมปทานการเปิดเสรีการค้าฯลฯ เมื่อแผนพัฒนาประเทศดังกล่าว

ถูก นำสู่สาธารณชน และเข้าสู่สภา ปรากฏว่าได้รับการต่อต้านจากประชาชน และฝ่ายค้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้นำฝ่ายค้าน นายเมเนม ได้กล่าวหาว่า นายฟองซีน

และพวกเป็นคนขายชาติ ขายแผ่นดิน มีผลให้นายฟองซีนต้องหลุดจากตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนที่จะครบวาระ หัวหน้าฝ่ายค้านเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี ต่อจากนายฟองซีน

ได้ พยายามสร้างและหาความนิยมจากประชาชนเพื่อที่ตนเองจะได้ชนะการเลือกตั้งที่จะ มีต่อไป กล่าวคือ อะไรที่อัลฟองซีนทำ เขาบอกว่าจะไม่ทำ จะคิดใหม่ ทำใหม่

เพื่อ ประชาชนและประเทศ เขาได้บริหารประเทศโดยใช้นโยบาย ลดแลก แจก แถม หรือที่เรียกทั่วๆ ไปว่า"ประชานิยม" คือเอาเงินภาษีอากรของประชาชนมาใช้ในการหาเสียง

อย่างถูกต้องตาม กฎหมาย เมื่อเลือกตั้งมาถึง พรรคการเมืองของเมเนม ประ สบชัยชนะอย่างหลุดลอย ครองเสียงข้างมากในสภา เข้าคุมประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ ฝ่ายค้านหมดน้ำยาทันที

ชัย ชนะที่ได้มานั้นมาจากปัจจัยที่สำคัญ เช่นการใช้เงินซื้อเสียงด้วยวิธีการต่างๆ การใช้นโยบายหลอกล่อประชาชนให้หลงเชื่อ และการทำลายฝ่ายตรงข้าม เข้ามาบริหารประเทศ

หลังเลือกตั้งเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ สื่อต่างๆของอาร์เจนตินาตกอยู่ภายใต้ความครอบงำของรัฐบาลเมเนม สื่อโทรทัศน์ของรัฐและเอกชนถูกสั่งโดยทางตรง และทางอ้อม

ให้ปิดหูปิด ตาประชาชนเสมอ หน้าที่หลักคือสรรเสริญ สนับสนุนรัฐบาล วันๆ ให้ประชาชนมัวเมากับฟุตบอล และการพนัน หนังสือพิมพ์ ถ้าฉบับไหนวิจารณ์รัฐบาล

จะถูกงดการให้เงินโฆษณาจากรัฐวิสาหกิจ หรือกิจการของนักธุรกิจการเมืองฝ่ายรัฐบาล ปี2537 เขาออกแผนพัฒนาเศรษฐกิจหลักการเดียวกับกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ11ฉบับของไทย

หรือ กฎหมายขายชาติที่สื่อเขาเรียกกัน นำมาใช้ในการบริหารประเทศอาร์เจนตินา แผนหลักสำคัญๆ เช่น การแปรรูป(ขาย)รัฐวิสาหกิจ การเปิดเสรีการค้า

การ ให้สิทธิต่างชาติซื้อแผ่นดิน การปฏิรูประบบราชการ การยกเลิกแก้ไขกฎหมายที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในชาติ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เมเนม

เคยต่อต้านในช่วงที่ตนเองเป็นฝ่าย ค้าน แต่พอมามีอำนาจกลับนำมาใช้ เพราะเห็นว่าสามารถสร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองและพรรคพวกได้ การขายรัฐวิสาหกิจ

เขาใช้สื่อหลอกลวงประชาชนว่า รัฐวิสาหกิจเป็นภาระของรัฐบาล มีการโกงกิน การบริหารไร้สมรรถภาพ ต้องแปรรูปเอาหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่ก็ขายสัมปทาน

ความจริง แล้วรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มีกำไรและนำเงินเข้าสู่รัฐ เพื่อนำมาใช้สอยสร้างความอยู่ดีกินดีให้แก่ประชาชน แค่ปรับปรุง และปราบการโกงกินก็ย่อมทำได้แต่ไม่ทำ

เพราะถ้าเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ จะสามารถปันเงินเข้ากระเป๋าตัวเองและพรรคพวก แรกๆ พวกพนักงานรัฐวิสาหกิจ เช่นสหภาพต่างๆ ออกมาคัดค้าน รัฐบาลของนายเมเนม

ก็ให้สินบนผู้คัด ค้านเหล่านั้นด้วยการขายหุ้นในราคาถูกบ้าง ให้หุ้นฟรีบ้าง สัญญาว่าจะขึ้นเงินเดือน20-30%บ้าง จะไม่มีการไล่ออกบ้าง การให้สินบนก็เอาเงินภาษีของประชาชน

มาปิดปากการคัดค้าน พวกขายตัวก็เงียบไป ยอมสยบกับรัฐบาล แต่ในที่สุดรัฐบาลแทบไม่ได้ทำตามสัญญาเลย รัฐบาลนายเมเนมได้เอารัฐวิสาหกิจแทบทุกอย่างออกมาขาย

ในตลาดหลัก ทรัพย์ เที่ยวหลอกลวงประชา ชนว่าไม่ต้องห่วงรัฐยังถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่ และจะไม่ขายให้แก่ต่างชาติ สุดท้ายเขาและพรรคพวก ใช้อำนาจบริหารกวาดหุ้น ปั่นหุ้น

ทำเงินเข้ากระเป๋าเป็นจำนวนมหาศาล ทั้งนี้ยังไม่นับรายได้จากการขายสัมปทานของรัฐโดยตรง ในที่สุด รัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็ตกอยู่ในมือของพวกนักธุรกิจการเมือง

และตกอยู่ใน มือคนต่างชาติ เช่น กิจการประปาตกอยู่ในมือของอังกฤษและฝรั่งเศส ไฟฟ้าตกอยู่ในมือของแคนาดา ฝรั่งเศส และอเมริกา กิจการสายการบินตกอยู่ในมือของสเปน

กิจการโทรศัพท์ตกอยู่ในมือของ สเปน เป็นต้น ขอยกตัวอย่างให้เห็นว่าเขานำภัยสู่ประชาชนอย่างไรกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ยกตัวอย่างเช่น ไฟฟ้าและประปา อาร์เจนตินา

ผลิตไฟฟ้าประมาณ50% โดยใช้พลังน้ำตก ที่เหลือใช้น้ำมันก๊าด และถ่านหินซึ่งเกือบทั้งหมดมีอยู่ในประเทศ ซึ่งนับว่าต้นทุนถูกมาก หลังจากแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์

และตกอยู่ในมือของพวกเศรษฐีและต่าง ชาติแล้ว ราคาค่าไฟเพิ่มขึ้นมาถึงหน่วยละประมาณ6.50 บาท ในขณะที่ประเทศไทยต้องซื้อก๊าซ น้ำมัน ถ่านหินจากต่างชาติ

ขณะที่ เป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ทุกวันนี้ค่าไฟหน่วยละประมาณแค่ 2.50 บาท ตามชนบทห่างไกล การไฟฟ้ายังทำกำไรนับพันๆล้าน หลังจากเอากำไรบางส่วนไปพัฒนาเขตที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้

เมื่อแปรรูป ประปาแล้ว น้ำประปาในอาร์เจนตินาแพงถึงขนาดคนต้องตาย เพราะขอน้ำใครกินไม่ได้ ไม่มีใครให้เพราะน้ำแพง คนที่ตายไปเพราะขอน้ำใครกินไม่ได้

เขาถึงกับตั้งศาลเพียงตาไว้ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่แปรรูปแล้วประชาชนไม่เดือดร้อนและนักการเมืองไม่โกง กิน โทรศัพท์เมื่อแปรไปแล้ว ราคาแพงสุดโหด และหุ้นใหญ่

ตกไปอยู่ใน มือขององค์การโทรศัพท์สเปน2ปี ที่ผ่านมา องค์การโทรศัพท์ของสเปนประกาศว่ากำไรของเขาลดลงไป1.3พันล้านเหรียญสหรัฐ เพราะเหตุการณ์วิกฤตในอาร์เจนตินา

คิดดูแล้วกันว่าต่างชาติขนเงินออก จากอาร์เจนตินาเท่าไร เมื่อรัฐวิสาหกิจตกไปอยู่ในมือต่างชาติ เมเนมได้ออกกฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาซื้อแผนดินได้ โดยหวังที่จะให้เงินลงทุน

มา จากต่างประเทศ ปรากฏว่าต่างชาติได้เข้ามากว้านซื้อที่ดินในรูปแบบต่างๆ (คล้ายๆกับที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้) จอร์จ โซรอสแค่รายเดียวซื้อที่ดินในอาร์เจนตินา

เกือบล้านไร่ ในช่วงไม่กี่ปีต่างชาติเข้าครองแผ่นดินอาร์เจนตินาถึง40% สร้างความวิบัติให้แก่สังคมอย่างมหาศาล การเปิดเสรีการค้าเป็นสาเหตุหนึ่งที่สร้างความวิบัติ

พวกนักธุรกิจ การเมืองในรัฐบาลเมเนม มีผลประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติในสาขาต่างๆ เช่น การค้าปลีกค้าส่งปล่อยและร่วมมือให้ร้านค้าขนาดยักษ์ต่างชาติเข้ามาทำลาย

ร้าน ค้าขนาดย่อมขนาดเล็ก สร้างความหายนะให้แก่คนอาร์เจนตินาล้านๆ คน นอกจากนั้นกิจการภาคบริการก็ถูกต่างชาติยึดอีก คนชั้นกลางของอาเจนตินาต้องกลายเป็นคนจนนับล้านๆคน

เพียงแค่2-3ปี วิธีบริหารประเทศของเมเนม ใช้คอร์รัปชั่นเชิงนโยบายบริหารประเทศเป็นหลัก มือหนึ่งเขาจะใช้กลยุทธ์การบริหารและการตลาดตลอดจนการประชาสัมพันธ์

หลอก ลวงประชาชนด้วยโครงการต่างๆ เพื่อให้ตายใจ ส่วนอีกมือหนึ่งเขาจะหยิบเอาสมบัติของคนทั้งชาติ เช่นรัฐวิสาหกิจไปปั่นหุ้นขายหาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง และพรรคพวก

สมคบ กับต่างชาตินำทุนข้าม ชาติมาทำลายทุนใหญ่น้อยในชาติ กู้เงินมาลงทุนสร้างโครงการที่ไม่มีความจำเป็น เช่นสนามบิน เป็นต้น เพื่อที่จะได้ค่าใต้โต๊ะเป็นการตอบแทน

ในช่วงรัฐบาลเมเนม มีหลายคนออกมาเตือนว่าระวังประเทศจะหายนะเหมือนอย่างประเทศบราซิล ซึ่งประสบความหายนะมาก่อนอาร์เจนตินาประมาณ2-3 ปี แต่รัฐบาลเมเนม

ก็ บอกแก่ประชาชนว่า อาร์เจนตินาไม่มีวันหายนะอย่างบราซิล เพราะเราเดินมาถูกทางแล้ว ไม่ว่าชาติมหาอำนาจ หรือIMF ก็บอกอย่างนั้น พวกที่บอกว่าอาร์เจนตินาจะหายนะ

เหมือนบราซิลเป็นพวกโง่ เมื่ออาร์เจนตินาประสบความหายนะ มีอะไรเกิดขึ้นที่คนไทยควรจะรู้ไว้ก็คือ ประธานาธิบดีเมเนมถูกขับออกจากตำแหน่ง เขาหิ้วกระเป๋าไปแต่งงาน

กับ มหาเศรษฐีสาวชาวเปรู(เป็นมหาเศรษฐีได้อย่างไรคิดดูเองก็แล้วกัน)อายุต่างกัน ประมาณ20-30 ปี วันนี้มีลูกคนหนึ่งแล้ว คนอาร์เจนตินาตกงานนับล้านๆคน รัฐบาลสั่งห้าม

คนอาร์เจนตินาถอนเงินฝากของตน นอกจากเอามาใช้ซื้ออาหารกินเดือนละ1,200เปโซ เด็กในเมืองหลวงนับล้านไม่สามารถไปเรียนหนังสือได้ เพราะรัฐไม่มีเงินช่วยเหลือผู้คน

และเด็กอดอาหารนับล้านคน ทั้งๆ ที่อาร์เจนตินาผลิตอาหารเลี้ยงคนได้ถึง200ล้านคน อาร์เจนตินามีพลเมืองแค่37ล้านคน แต่เนื่องจากแผ่นดินการเกษตรตกอยู่ในมือต่างชาติ

จึงผลิตเพื่อการส่ง ออก อาชญากรรมระบาดไปทั่ว กิจการต่างๆ ของคนในชาติเป็นจำนวนมากต้องถูกยึด หรือปิดตัวเอง ผู้หญิงต้องทำแม้กระทั่งตัดผมของตัวเองแลกอาหาร

เด็ก อดอาหารตายเป็นจำนวนมาก การที่ใครก็ตามออกมาพูดเรื่องอาร์เจนตินา มันไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการให้ประเทศไทยเป็นแบบอาร์เจนตินา หรือพูดให้คนตกอกตกใจและสับสน

แต่ที่เขาเอาอาร์เจนตินามาพูดนั้นก็ เพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้บริหารประเทศ และประชาชนได้ตระหนักว่า เรามีตัวอย่างประเทศที่เขาเดินไปสู่ความวิบัติอย่างไร ถ้าเราไม่อยากวิบัติอย่างเขา

เราก็ไม่ควรจะเดินตามรอยเขา แล้วไปลงเหวนรก ประชาชนจึงต้องมีจิตสำนึกออกมาป้องกันผู้บริหารประเทศ และนักการเมืองชั่วๆบางคนที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบ

ก่อนที่ ประเทศไทยจะเกิดความวิบัติ ใครที่มีเพื่อนเป็นคนอาร์เจนตินาลองไปถามได้ว่าที่เขียนมาทั้งหมดมีอะไรไม่ เป็นความจริงบ้าง มีตรงไหนที่แสดงความโง่บ้าง

ประเทศอาร์เจนตินาใหญ่ กว่าประเทศไทย5เท่า มีประชากรแค่37ล้านคน มีน้ำมัน น้ำตก ก๊าซ ถ่านหิน และพื้นดินที่สมบูรณ์ ในช่วงรัฐบาลเมเนม GDP เคยขึ้นถึง8-9%

ตัวเลข สวยมากทุกตัว เพราะเขาขายทุกอย่าง โกงทุกอย่าง ปิดหูปิดตาประชาชนทุกอย่าง แม้แต่ทหารซึ่งเคยเป็นดุลถ่วงพวกนักการเมือง ก็ยอมอยู่ใต้อุ้งมือนักการเมือง

ไม่กล้าคิดจะปกป้องประเทศชาติและประชาชน ถูกตัดกำลังแทบจะมีไว้สำหรับเฝ้าทำเนียบ หรือเดินสวนสนาม คนเราอาจจะหลอกคนบางคนได้ในบางเวลา

แต่ จะหลอกทุกคนไปตลอดเวลาไม่ได้หรอก ความวิบัติของประเทศ มันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าผู้บริหารประเทศ และประชาชนมีความสำนึกผูกพัน และหวงแหนแผ่นดิน

สมบัติ ของชาติ รัฐวิสาหกิจ สิทธิและผลประโยชน์เรื่องการทำกินของคนในชาติ และสถาบันที่รักและเทิดทูนในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลต้องทำหน้าที่รับใช้ประชาชน

ระบอบเผด็จการเท่านั้น ที่รัฐบาลแสดงอำนาจกับประชาชน ระบอบนี้ไม่ควรมีอยู่บนแผ่นดินไทยแม้แต่วันเดียว จะรอให้สิ้นชาติหรือ...ถึงจะรู้สึก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ผม ศึกษาเศรษฐกิจประเทศอาเจนติน่าก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ รัฐบาลแปรรูปทุกอย่างเข้าตลาดหุ้น แม้กระทั่งถนน ถ้าอยากรู้ต้องดูรายการของ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์

เรื่องประเทศอาเจนติน่า หลังจากนั้นรัฐมนตรีประเทศน้ก็รวยมากๆ สุดท้ายทุกอย่างกลายเป็นของต่างประเทศทั้งหมด ไฟฟ้า ถนน ประปา สายการบิน ฯลฯ หลังจากนั้นไม่นาน

ก็มีคนออกมาบอกว่าคนอาเจนติน่ายังมีงานทำครับ ใช่ครับ ไปเป็นลูกจ้างตามบริษัทสาธารณูปโภคที่ถูกขายนั่นแหละ หลักจากนั้นไม่นานอาเจนติน่าก็ล่มสลายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่

แล้วต่าง ชาติก็ขนเงินกลับผ่านหุ้น เกษตรกรซึ่งเคยชื่นชมรัฐบาลอาเจนติน่ายุคนั้นต้องประท้วง ชาวไร่ยากจนลง ผมขออธิปไตยทางเศรษฐกิจไว้ในมือคนไทยได้ไหมครับ

ขณะนี้ผมศึกษาอยู่ ต่างประเทศช่วงสั้นๆ ในสายตาชาวต่างชาติเขามองเราติดลบมากๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหา๓จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการสร้างนโยบายเพื่อกลุ่มตนเอง

ซึ่ง เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ผมว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องมองคนดีที่ทำเพื่อบ้านเมือง สำหรับผม คิดใหม่ ทำใหม่ ไม่เลือกไทยรักไทย(ตั้งแต่ครั้งก่อน)

.....ขอบพระคุณวิทยาทาน จากคุณอัมรินทร์ คอมันตร์มากครับ.....

Friday, June 17, 2011

อ้วนตั้งแต่วัยรุ่น เสี่ยงมะเร็งสูง

ป้องกันลูกวัยทีน อย่าให้อ้วนเสียตั้งแต่วันนี้ เท่ากับช่วยสะกัดมะเร็งไม่ให้คร่าชีวิตลูก ๆ ไปก่อนวัยอันควรได้ เพราะมีงานวิจัยระบุว่า เด็กวัยรุ่นที่มีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิตนั้น มีโอกาสที่จะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสูงกว่าเพื่อน ๆ ที่มีน้ำหนักปกติถึง 35 เปอร์เซ็นต์ และต่อให้โตเป็นผู้ใหญ่จะคิดได้ หันมาออกกำลังกาย เปลี่ยนรูปแบบการรับประทานอาหาร ก็ใช่ว่า ความเสี่ยงดังกล่าวจะลดลงตาม
     
       โดยการวิจัยครั้งนี้ เป็นการร่วมมือระหว่างนักวิจัยจาก Medical Research Council (MRC), University College London และ Harvard School of Public Health ทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ของนักศึกษาชาย 19,539 คนที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในระหว่างปี 1916 - 1950 พวกเขาพบว่า คนที่มีค่า BMI สูง ๆ ตอนอายุ 18 ปีนั้นมีโอกาสเสียชีวิตจากมะเร็งมากกว่าผู้ที่มีค่า BMI ต่ำ
     
       ดร.ลินเซย์ เกรย์ นักวิจัยจาก Medical Research Council หรือ MRC กล่าวถึงงานวิจัยชิ้นนี้ว่า "ถือเป็นครั้งแรกของการวิจัยผลกระทบของโรคอ้วนที่เกิดกับมนุษย์ในช่วงวัย รุ่น โดยเราพบว่า ความอ้วนนั้นทำให้มนุษย์เราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในเวลาต่อมา และถึงแม้ว่าจะสามารถลดน้ำหนักได้ในวัยกลางคนก็ไม่ได้หมายความว่าความเสี่ยง ดังกล่าวจะลดลง"
     
       นอกจากนั้น สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การที่มีค่า BMI สูงในช่วงอายุ 18 ปีกลับนำไปสู่ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในเวลาต่อมา มากกว่าการมีค่า BMI สูงในช่วงวัยกลางคนเสียอีก
     
       ทั้งนี้ ทีมวิจัยพบความเชื่อมโยงระหว่างวัยรุ่นที่น้ำหนักเกิน กับการเกิดมะเร็งในอนาคตบนอวัยวะส่วนต่าง ๆ เช่น ปอด ผิวหนัง ทางเดินอาหาร ไต กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายอายุ 18 ปีที่มีค่า BMI สูงกว่าค่าเฉลี่ย 21.7 ไม่มาก และยังถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ก็มีโอกาสเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดมากกว่าคนที่มีค่า BMI ต่ำ ๆ ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ (ไม่ว่าพวกเขาจะสูบหรือไม่สูบบุหรี่ก็ตาม)
     
       แม้ว่าการวิจัยครั้งนี้จะพุ่งเป้าไปที่ผู้ชายเป็นหลัก แต่สำหรับผู้หญิงแล้วก็เชื่อว่าจะให้ผลที่ไม่แตกต่างกัน
     
       ดร.เกรย์กล่าวทิ้งท้ายว่า "งานวิจัยนี้พิสูจน์แล้วว่า การรักษาสุขภาพให้ดีตลอดชีวิตนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นั่นหมายความว่า ในช่วงวัยรุ่น ก็ไม่ควรปล่อยตัวให้อ้วน ควรควบคุมน้ำหนักร่างกายให้อยู่ในระดับปกติตลอดเวลา เพื่อลดโอกาสการเกิดมะเร็ง"
     
       อย่างไรก็ดี สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยรุ่นคงทราบดีว่า เด็กในวัยนี้มักจะคำนึงถึงความสวยงาม หรือรูปลักษณ์ภายนอก และอาจกำลังกังวลกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อยู่เช่นกัน แต่ก็ควรแนะแนวทาง "ลดน้ำหนัก" อย่างถูกวิธี เช่น การควบคุมอาหาร ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หมั่นออกกำลังกาย รวมถึงคอยระวังไม่ให้ลูกพึ่งทางลัดในการลดน้ำหนัก เช่น การดูดไขมันที่เคยทำเด็กสาวคนหนึ่งเสียชีวิตมาแล้ว หรือการใช้ยาลดความอ้วน ก็จะช่วยให้ลูกที่คุณรักปลอดภัยได้มากขึ้นค่ะ

: manager.co.th

Monday, May 30, 2011

ประโยชน์ของน้าผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ‏

ตารางประโยชน์ของน้ำผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่าง ๆ
                                         ปริมาณและวิธีใช้   
1. บำรุงสุขภาพ                      น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน 

2. อดนอน                            น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้  
3. ยาอายุวัฒนะ                      น้ำผึ้ง½ -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน  
4. นอนไม่หลับ                       น้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน  
5.ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ    กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว ½ เกลือเล็กน้อยพิมเสน หรือ การบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6.
ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะน้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร  

7. ท้องผูก                                  น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน 
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน              น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน  
9. ท้องเสียรุนแรง                    น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½  ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1แก้ว  
10. เด็กหวะนม                     น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม  
11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว          น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกเมื่ออาหาร  
12. ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื่อรัง      น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล  หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่  เย็นแล้วล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล  
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย   ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง 
 14. โรคกระเพาะ                                 ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะก่อนนอน  
15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรคตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ3 ครั้งเป็นประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน  
16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร                   น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร 
17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง             น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ  
18. เสียน้ำหรือเสียเลือด(10-20%)   น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ  
19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ)   น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1ถ้วย

ธรรมะของหลวงปู่ทวด อ่านแล้วส่งต่อเพื่อเป็นธรรมทาน

หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
ท่านเป็นพระมหาเถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ ในนาม " หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด "
คาถาบูชาท่าน คือ นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
ชาติกาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125
ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา
บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปี
อุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี
มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225
สิริรวมอายุได้ 99 ปี
คติธรรมคำสอน ของ
หลวงปู่ทวด

ธรรมประจำใจ

พูดมาก เสียมาก    พูดน้อย เสียน้อย     ไม่พูด ไม่เสีย     นิ่งเสีย โพธิสัตว์
ละได้ย่อมสงบ
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข
ละได้ย่อมสงบ
สันดาน
ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได
แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง
ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก

ชีวิตทุกข์
การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ
จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ

จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ
เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ

เมื่อเราจะออกจากบ้าน

ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ
นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย
บรรเทาทุกข์
การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น
เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราต้องเป็นตัวของเราเอง
และเราจะต้องวินิจฉัยในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่า สิ่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ
ยากกว่าการเกิด
ในการที่เราเกิดมา   ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย   แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก
เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย
ไม่สิ้นสุด
แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด
กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น

ยึดจึงเดือดร้อน

ทุกวันนี้
เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโน่น ยึดนี่
ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรมสากล

จักรวาลโลกมนุษยนี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก
สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม
ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน
  เกิดการฆ่าฟันกัน
เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ
  ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า
สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ
อยู่ให้สบาย
ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น
เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด
  อยู่กันอย่างไม่ยินดี   อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย
อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์
เหนือคำสรรเสริญ
  เหนือนินทา   เหนือความผิดหวัง   เหนือความสำเร็จ   เหนือรัก   เหนือชัง
ธรรมารมณ์
การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง
อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือ รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน
  เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆ แล้ว
ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส   เสียใจน้อยใจ
  เป็นทุกข์
กรรม
ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า
เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว
ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์   มีความรื่นเริง
มารยาทของผู้เป็นใหญ่
ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน   ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง
มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก
คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ
โลกิยะ หรือ โลกุตระ
คนที่เดินทางโลกุตระ   ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้
คนที่เดินทางโลกิยะ
  ย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก   เพราะอะไร ?
ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว
ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม
ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า
?
ถ้าเป็นไปได้
  พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ ?
แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน

เราต้องตัดสินใจ   ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง
ศิษย์แท้
พิจารณากายในกาย   พิจารณาธรรมในธรรม   พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ
นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รู้ซึ้ง

ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ   เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล   ผลนั้นเกิดจากเหตุ
เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว
  เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา

ใจสำคัญ
การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์
จะต้องทำด้วยความศรัทธา
ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้นเกินความคาดหมาย
หยุดพิจารณา
คนเรานี้   ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว   จิตมันจะฟุ้งซ่าน
และถ้าภาวะนั้น
 
ตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือ หยุดพิจารณา
แล้วค้นสัจจะของ
  ศีล   สมาธิ   ปัญญา     ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้
บริจาค
ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ   จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอก
การสวดมนต์เป็นการภาวนา
  การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน
เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ
การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอก

นี่คือเรื่องของนามธรรม
ทำด้วยใจสงบ
เราจะทำบุญก็ดี   เราจะทำอะไรก็ดี   จงทำด้วยความสงบ
อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น   มันจะพาเราไปสู่หายนะ
เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน   เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง   จงอย่าทำ
นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน   เมื่อจิตใจสบายแล้ว ปัญญาก็เกิด
เมื่อเกิดปัญญาแล้ว   จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก
มีสติพร้อม
จะทำสิ่งใดก็ตาม   เราต้องมีสติพร้อม
คือ
อย่าให้มีโทสะ
  อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ
อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผล มาอยู่เหนือความจริง
เตือนมนุษย์
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว    มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีง านทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว    มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก    มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า
พิจารณาตัวเอง
คืนหนึ่งก็ดี   วันหนึ่งก็ดี   ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที
ไม่ติดต่อกับใคร

ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่า
  ที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร
คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
  คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น
เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้
  มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด   ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง
คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของหลวงปู่ทวด
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
ธรรมะของหลวงปู่ทวด   อ่านแล้วส่งต่อ เพื่อเป็นธรรมทา

Popular Posts