Wednesday, June 22, 2011

บั้นท้ายดำคล้ำ-แตกลาย ..แก้ไขได้

แม้ว่า ก้น จะเป็นอีกจุดซ่อนเร้น ที่มิใช่ว่าใครจะมองเห็นได้ง่ายๆ เมื่อมีปัญหาบั้นท้ายดำคล้ำ หรือเกิดรอยแตกลาย จึงไม่น่าจะมีปัญหา ทว่าแท้จริงแล้วไม่เลยค่ะ เพราะมีสาวเราจำนวนไม่น้อยเลย ที่ต้องนั่งกลุ้มอกกลุ้มใจเมื่อก้นของเธอเต็มไปด้วยรอยกระดำกระด่าง
       ก็สาวเราน่ะ ยอมได้ที่ไหน อยากสวยตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้ากันทั้งนั้น แค่คิดว่าใส่บิกินี่ (Bikini) แล้ว รอยแตกลายโผล่ จนหนุ่มริมสระแอบหัวเราะคิกคัก ก็แทบเกินทน นี่ยังไม่นับความกังวลใจซึ่งสาวบางนาง ถึงกับไม่กล้าเปิดไฟกุ๊กกิ๊กกับแฟนหนุ่ม ด้วยกลัวจะถูกแซวเป็น “แม่สาวตูดลาย”
      
       หลายคนเลือกใช้วิธีขัดถู หาสารพัดครีมมาทา หวังให้รอยดำที่บั้นท้ายได้จางลง แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่บรรเทา ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะคุณแก้ปัญหาไม่ถูกจุด!
      
       ว่าแล้วเรามาเจาะลึกหาสาเหตุ พร้อมวิธีแก้ไขอย่างถูกต้อง เพื่อให้บั้นท้ายกลับมาไฉไลไปกับ แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท กันค่ะ
       สิว-แตกลาย-รอยดำ อาการฮิตที่พบบนบั้นท้าย
       แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังกล่าว ว่าอาการก้นลายมีอยู่ 3 ลักษณะด้วยกัน คือ ก้นลายจากรอยสิว, จากรอยผื่นแพ้, และจากรอยแตก อันเนื่องมาจากการที่ร่างกายเติบโตเร็ว
      
       “ก้นลาย ก้นไม่สวย มีหลายลักษณะด้วยกัน หนึ่ง-ก้นลายจากการเป็นสิว เมื่อสิวหายก็ทำให้เกิดรอยดำ ดูกระดำกระด่าง แบบนี้จะเจอบ่อยที่สุด สอง-ก้นลายจากการเป็นรอยแตกลาย ซึ่งมีทั้งรอยแตกลายจากการที่ร่างกายเติบโตเร็ว ก็เกิดเป็นรอยแตกลายที่ก้นได้ หรือคนที่อ้วน คนที่ตั้งครรภ์ อันนี้ก็เกิดเป็นลายอีกลักษณะหนึ่ง และสาม-ก้นลายจากรอยดำ ที่เคยเป็นผื่นแพ้ เช่น เป็นผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณก้นแล้วเหลือเป็นรอยดำตามมา
      
       สำหรับลักษณะของรอยแต่ละแบบมีความ ต่างกันเล็กน้อย แต่บางคนก็แยกไม่ออก หรือบางคนก็มีหลายอย่างปนกัน คือ มีทั้งแตกลายจากการโตเร็ว และมีทั้งรอยดำจากสิวปนกันไปหมด ทำให้ก้นไม่สวย”
      
       รักษาสิวและเลี่ยงกางเกงอับ บันไดสู่บั้นท้ายเนี้ยบนิ้ง !
      
       “วิธีการรักษาก้นลายจากสิวและจากผด ผื่นแตกต่างกันไป อย่างเช่น หากเกิดจากสิว เราต้องดูว่า มันเป็นสิวจริง หรือสิวผด หรือรูขุมขนอักเสบ ต้องแยกกันไป เพราะบางคนเป็นสิวจริง เหมือนกับสิวที่เกิดบนใบหน้า แบบนั้นวิธีรักษาก็จะเหมือนการรักษาสิวที่ใบหน้า แต่บางคนอาจเป็นลักษณะของผดร้อน เนื่องมาจากใส่กางเกงที่ระบายอากาศไม่ดี ตอนที่ออกกำลังกายแล้วก็เกิดเป็นผดร้อน เหมือนเวลาที่เด็กๆ มีผดร้อน หรืออาจจะเป็นรูขุมขนอักเสบ คือ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเหล่านี้ต้องให้แพทย์วินิจฉัย เพื่อที่จะแยกโรค เพราะการรักษาจะต่างกันเล็กน้อย
      
       ดังนั้นการรักษาจะต้องรักษาสิวหรือผด ผื่นเสียก่อน หลังจากนั้นก็ดูเรื่องของรอยดำอีกที ซึ่งวิธีการรักษารอยดำไม่ต่างจากรอยดำบนใบหน้า คือ ใช้ยาในกลุ่ม ต้านการสร้างเม็ดสี หรือการใช้วิตามิน เช่น วิตามินซี (Vitamin C) ที่ช่วยลดรอยด่างดำ รวมไปถึงการใช้ กรดผลไม้ ทาเพื่อให้ผิวผลัดเซลล์ผิวเร็วขึ้น หรือใช้พวกเลเซอร์ไอพีแอล (IPL) เหมือน เวลาเรายิงเลเซอร์แก้ปัญหารอยดำของสิวบนใบหน้า ซึ่งนำเลเซอร์นี้มาใช้กับผิวบริเวณก้นได้เหมือนกัน” คุณหมอสาวอธิบายอธิบายถึงแนวทางการรักษาอาการก้นลาย ที่เกิดจากสิวและผดผื่น
      
       ก้นแตกลายเพราะโตเร็ว รักษายาก! ต้องพึ่งพิงเลเซอร์
       ส่วนการรักษาก้นลายอันเนื่องมาจากรอย แตก เพราะร่างกายเติบโตเร็วนั้น แพทย์สาวแห่งโรงพยาบาลสมิติเวช อธิบายตามตรงว่า รักษาได้ค่อนข้างยาก หากอยากบั้นท้ายนวลเนียนจริงๆ คงต้องพึ่งเลเซอร์ค่ะ
      
       “ในส่วนของก้นลายที่เกิดจากรอยแตกลาย จะรักษาได้ยากนิดนึง เพราะว่ารอยแตกลาย มันไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีที่ผิวหนัง แต่มันเป็นเรื่องของคอลลาเจน (Collagen) ใต้ผิวหนัง มีการฉีกขาดจนทำให้เกิดเป็นเหมือนลักษณะผิวไม่เรียบ คือไม่ใช่แค่ว่ามันดำอย่างเดียว หรือว่าแดงอย่างเดียว ดังนั้นจึงรักษายากกว่า อาจจะต้องใช้พวกเลเซอร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิวแบบแยกส่วน ซึ่งจะได้ผลดีพอสมควร”
      
       วิธีบรรเทาป้องกันอาการก้นแตกลาย
       “สมมุติว่าเราเป็นคนมีสิวที่ก้นง่าย ก็ไม่ควรใช้พวกโลชั่นที่มันมีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันมากขึ้น หรือบางคนชอบขัดผิว พวกนี้ทำมากไปก็ไม่ดี เช่นการใช้บอดี้สครับ (Body Scrub) ขัด รุนแรงมากๆ เช่นนี้ อาจเป็นการไปกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง หรือกระตุ้นให้เกิดสิวด้วยซ้ำ และการที่เราออกกำลังกาย แล้วใส่กางเกงที่อับไม่มีการระบายอากาศ ก็อาจจะทำให้เกิดผื่นเล็กๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายสิวได้เหมือนกัน
      
       ส่วนการเลี่ยงรอยแตก คุณหมอธิดากานต์ยอมรับว่า
      
       “ป้องกันยากค่ะ เพราะหนึ่ง-รอยแตกดังกล่าว เกิดขึ้นตอนร่างกายเราเติบโตในช่วงวัยรุ่น บางคนจะโตไว ร่างกายขยายไว และเกิดรอยแตกลายได้ ซึ่งป้องกันยาก เนื่องจากในช่วงวัยรุ่นเราจะไม่ให้ร่างกายเติบโตก็ไม่ได้ ดังนั้นอาจจะทำได้แค่ ในช่วงที่กำลังโต พยายามทาโลชั่นเพื่อให้ผิวไม่แห้ง ซึ่งอาจจะช่วยได้ระดับหนึ่ง สอง-ในกรณีผู้ใหญ่ ต้องควบคุมน้ำหนัก อย่าให้น้ำหนักขึ้นเร็ว ลงเร็ว เพราะการที่อยู่ๆ น้ำหนักขึ้นเร็วมากๆ ตรงนี้แหละที่ทำให้เกิดรอยแตกลายขึ้น”
      
       และสำหรับสาวก้นลายแต่กระเป๋าหนัก ที่มักปลีกเวลาเข้าสปา (Spa) หวังคืนความเนียนใสให้บั้นท้าย คุณหมอบอกว่า สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่งค่ะ
      
       “การเข้าสปาก็ช่วยได้ในแง่ที่ว่าทำ ให้ผิวเนียนขึ้น เพราะเทคนิคการนวดครีม หลักการก็คือ การพยายามทำให้ครีมเข้าสู่ผิวมากขึ้น เพราะปัญหาที่ต้องพบคือ เวลาที่เราทาครีมเข้าไป มันต้องผ่านชั้นผิวหนังหลายชั้น การที่ส่วนประกอบดีๆ ในครีมจะเข้าไปถึงชั้นคอลลาเจนจริงๆ ไม่รู้เท่าไหร่ ทาไปสิบ..อาจจะเข้าไปถึงชั้นคอลลาเจนแค่สอง
      
       ดังนั้นเทคนิคของการทำสปา ไม่ว่าจะเป็นการนวดหรือการห่อตัวที่เขาใช้กัน หลักการคือ ต้องการให้ครีมเข้าสู่ผิว ยิ่งเข้าสู่ผิวเยอะ มันก็เห็นผลเยอะเท่านั้นเอง” คุณหมอธิดากานต์ให้ความรู้
      
       *ต้องรู้ปิดท้าย: หญิงตั้งครรภ์เตรียมรับภาวะก้นลาย+ท้องลาย
       คุณหมอคนสวยบอกด้วยว่า จะพบสภาวะก้นลายและหน้าท้องลายง่ายขึ้นกับกลุ่มสตรีหลังตั้งครรภ์ อันเนื่องมาจากฮอร์โมนเพศที่เปลี่ยนแปลงระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ
      
       “เพราะการตั้งครรภ์ ร่างกายจะขยายทุกส่วน และที่สำคัญคือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen Hormone) หรือฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีมากช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนตัวนี้มีคุณสมบัติข้อหนึ่งคือ ทำให้คอลลาเจนในร่างกายของเราอ่อนแอลง
      
       เมื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนังอ่อนแอลง มันก็จะทำให้เกิดการฉีกขาดได้มากขึ้น และพอร่างกายขยายมันก็ฉีกขาดจนเกิดรอยแตกตามมา ซึ่งตรงนี้มันยับยั้งไม่ได้ เพราะปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนเยอะตามธรรมชาติของการตั้งครรภ์ เราอาจจะทำได้แค่ดูแลให้น้ำหนักตัวขึ้นแค่ตามเกณฑ์ เช่น แพทย์แนะให้ขึ้น 12 กิโลกรัม แต่ดันขึ้นไปถึง 22 กิโลกรัม แบบนี้ร่างกายจะมีส่วนเกินเยอะ ก็จะเกิดรอยแตกลายง่าย
      
       ส่วนโลชั่นที่ทาลดการแตกลาย นั้น จริงๆ แล้ว ยังไม่มีโลชั่นตัวไหนที่พิสูจน์ ว่าสามารถป้องกันรอยแตกได้ 100% เพียงแต่เชื่อกันว่า การใช้โลชั่นที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวจะทำให้การฉีกขาดของคอลลาเจนน้อยลง รอยแตกลายน้อยลง ถ้าผิวชุ่มชื้นขึ้น ก็เปรียบได้เหมือนกระดาษที่เปียก เมื่อเปียกจะเหนียวฉีกยาก ถ้าแห้ง ฉีกปุ๊บมันก็ขาด”
: manager.co.th      
:  http://www.celeb-online.net

Sunday, June 19, 2011

ประเทศไทย กับ อาร์เจนตินา ตัวอย่างแห่ง "หายนะ" ฤาเราจะต้องตามรอย

โดย อัมรินทร์ คอมันตร์

"ผมดูตัวเลขทุกตัวถือว่ามีความสมดุลมากที่ สุดเท่าที่ประเทศไทยมีมา แข็งแรงทุกตัว ใครที่บอกว่า จะพังเหมือนอาร์เจนตินา ผมมองว่าไร้ความรู้สิ้นเชิง ไม่รู้จบมาได้อย่างไร

ไม่ รู้ว่าตอนเรียนไปทำอะไรอยู่ ถ้าดูเป็น โง่อย่างไรก็ต้องยอมรับว่าดี... เป็นคำพูดของคนๆ หนึ่ง ที่ใครไม่เห็นด้วยกับเขา เขาจะเกรี้ยวกราดว่าคนนั้นเป็นคนโง่ เป็นคน...น่าเป็นห่วง"

ชาวบ้าน อาจคิดได้ว่าวันนี้เขาหลงอำนาจไปแล้วหรือ?! ประเทศอาร์เจนตินาเคยมีตัวเลข GDP สูงติดอันดับโลก ตัวเลขแข็งทุกตัวเท่าที่ประเทศอาร์เจนตินามีมา

จึง ขอเล่าเรื่องอาร์เจนตินาให้ฟังพอเป็นสังเขปดังนี้ ประมาณ10ปีที่ผ่านมาประธานาธิบดีขณะนั้นคือ นายอัลฟองซีนที่มจากการเลือกตั้ง ต้องการที่จะพัฒนาอาร์เจนตินา

ให้ เป็นประเทศชั้นนำอันดับหนึ่งของอเมริกาใต้ เขาได้เสนอโครงการพัฒนาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่เคยปรากฏมาก่อนในอาร์เจนตินา เช่น การปฏิรูประบบราชการ

การ เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาครอบครอแผ่นดิน การเอารัฐวิสาหกิจออกมาขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือให้สัมปทานการเปิดเสรีการค้าฯลฯ เมื่อแผนพัฒนาประเทศดังกล่าว

ถูก นำสู่สาธารณชน และเข้าสู่สภา ปรากฏว่าได้รับการต่อต้านจากประชาชน และฝ่ายค้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้นำฝ่ายค้าน นายเมเนม ได้กล่าวหาว่า นายฟองซีน

และพวกเป็นคนขายชาติ ขายแผ่นดิน มีผลให้นายฟองซีนต้องหลุดจากตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนที่จะครบวาระ หัวหน้าฝ่ายค้านเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี ต่อจากนายฟองซีน

ได้ พยายามสร้างและหาความนิยมจากประชาชนเพื่อที่ตนเองจะได้ชนะการเลือกตั้งที่จะ มีต่อไป กล่าวคือ อะไรที่อัลฟองซีนทำ เขาบอกว่าจะไม่ทำ จะคิดใหม่ ทำใหม่

เพื่อ ประชาชนและประเทศ เขาได้บริหารประเทศโดยใช้นโยบาย ลดแลก แจก แถม หรือที่เรียกทั่วๆ ไปว่า"ประชานิยม" คือเอาเงินภาษีอากรของประชาชนมาใช้ในการหาเสียง

อย่างถูกต้องตาม กฎหมาย เมื่อเลือกตั้งมาถึง พรรคการเมืองของเมเนม ประ สบชัยชนะอย่างหลุดลอย ครองเสียงข้างมากในสภา เข้าคุมประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ ฝ่ายค้านหมดน้ำยาทันที

ชัย ชนะที่ได้มานั้นมาจากปัจจัยที่สำคัญ เช่นการใช้เงินซื้อเสียงด้วยวิธีการต่างๆ การใช้นโยบายหลอกล่อประชาชนให้หลงเชื่อ และการทำลายฝ่ายตรงข้าม เข้ามาบริหารประเทศ

หลังเลือกตั้งเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ สื่อต่างๆของอาร์เจนตินาตกอยู่ภายใต้ความครอบงำของรัฐบาลเมเนม สื่อโทรทัศน์ของรัฐและเอกชนถูกสั่งโดยทางตรง และทางอ้อม

ให้ปิดหูปิด ตาประชาชนเสมอ หน้าที่หลักคือสรรเสริญ สนับสนุนรัฐบาล วันๆ ให้ประชาชนมัวเมากับฟุตบอล และการพนัน หนังสือพิมพ์ ถ้าฉบับไหนวิจารณ์รัฐบาล

จะถูกงดการให้เงินโฆษณาจากรัฐวิสาหกิจ หรือกิจการของนักธุรกิจการเมืองฝ่ายรัฐบาล ปี2537 เขาออกแผนพัฒนาเศรษฐกิจหลักการเดียวกับกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ11ฉบับของไทย

หรือ กฎหมายขายชาติที่สื่อเขาเรียกกัน นำมาใช้ในการบริหารประเทศอาร์เจนตินา แผนหลักสำคัญๆ เช่น การแปรรูป(ขาย)รัฐวิสาหกิจ การเปิดเสรีการค้า

การ ให้สิทธิต่างชาติซื้อแผ่นดิน การปฏิรูประบบราชการ การยกเลิกแก้ไขกฎหมายที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในชาติ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เมเนม

เคยต่อต้านในช่วงที่ตนเองเป็นฝ่าย ค้าน แต่พอมามีอำนาจกลับนำมาใช้ เพราะเห็นว่าสามารถสร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองและพรรคพวกได้ การขายรัฐวิสาหกิจ

เขาใช้สื่อหลอกลวงประชาชนว่า รัฐวิสาหกิจเป็นภาระของรัฐบาล มีการโกงกิน การบริหารไร้สมรรถภาพ ต้องแปรรูปเอาหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่ก็ขายสัมปทาน

ความจริง แล้วรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มีกำไรและนำเงินเข้าสู่รัฐ เพื่อนำมาใช้สอยสร้างความอยู่ดีกินดีให้แก่ประชาชน แค่ปรับปรุง และปราบการโกงกินก็ย่อมทำได้แต่ไม่ทำ

เพราะถ้าเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ จะสามารถปันเงินเข้ากระเป๋าตัวเองและพรรคพวก แรกๆ พวกพนักงานรัฐวิสาหกิจ เช่นสหภาพต่างๆ ออกมาคัดค้าน รัฐบาลของนายเมเนม

ก็ให้สินบนผู้คัด ค้านเหล่านั้นด้วยการขายหุ้นในราคาถูกบ้าง ให้หุ้นฟรีบ้าง สัญญาว่าจะขึ้นเงินเดือน20-30%บ้าง จะไม่มีการไล่ออกบ้าง การให้สินบนก็เอาเงินภาษีของประชาชน

มาปิดปากการคัดค้าน พวกขายตัวก็เงียบไป ยอมสยบกับรัฐบาล แต่ในที่สุดรัฐบาลแทบไม่ได้ทำตามสัญญาเลย รัฐบาลนายเมเนมได้เอารัฐวิสาหกิจแทบทุกอย่างออกมาขาย

ในตลาดหลัก ทรัพย์ เที่ยวหลอกลวงประชา ชนว่าไม่ต้องห่วงรัฐยังถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่ และจะไม่ขายให้แก่ต่างชาติ สุดท้ายเขาและพรรคพวก ใช้อำนาจบริหารกวาดหุ้น ปั่นหุ้น

ทำเงินเข้ากระเป๋าเป็นจำนวนมหาศาล ทั้งนี้ยังไม่นับรายได้จากการขายสัมปทานของรัฐโดยตรง ในที่สุด รัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็ตกอยู่ในมือของพวกนักธุรกิจการเมือง

และตกอยู่ใน มือคนต่างชาติ เช่น กิจการประปาตกอยู่ในมือของอังกฤษและฝรั่งเศส ไฟฟ้าตกอยู่ในมือของแคนาดา ฝรั่งเศส และอเมริกา กิจการสายการบินตกอยู่ในมือของสเปน

กิจการโทรศัพท์ตกอยู่ในมือของ สเปน เป็นต้น ขอยกตัวอย่างให้เห็นว่าเขานำภัยสู่ประชาชนอย่างไรกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ยกตัวอย่างเช่น ไฟฟ้าและประปา อาร์เจนตินา

ผลิตไฟฟ้าประมาณ50% โดยใช้พลังน้ำตก ที่เหลือใช้น้ำมันก๊าด และถ่านหินซึ่งเกือบทั้งหมดมีอยู่ในประเทศ ซึ่งนับว่าต้นทุนถูกมาก หลังจากแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์

และตกอยู่ในมือของพวกเศรษฐีและต่าง ชาติแล้ว ราคาค่าไฟเพิ่มขึ้นมาถึงหน่วยละประมาณ6.50 บาท ในขณะที่ประเทศไทยต้องซื้อก๊าซ น้ำมัน ถ่านหินจากต่างชาติ

ขณะที่ เป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ทุกวันนี้ค่าไฟหน่วยละประมาณแค่ 2.50 บาท ตามชนบทห่างไกล การไฟฟ้ายังทำกำไรนับพันๆล้าน หลังจากเอากำไรบางส่วนไปพัฒนาเขตที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้

เมื่อแปรรูป ประปาแล้ว น้ำประปาในอาร์เจนตินาแพงถึงขนาดคนต้องตาย เพราะขอน้ำใครกินไม่ได้ ไม่มีใครให้เพราะน้ำแพง คนที่ตายไปเพราะขอน้ำใครกินไม่ได้

เขาถึงกับตั้งศาลเพียงตาไว้ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่แปรรูปแล้วประชาชนไม่เดือดร้อนและนักการเมืองไม่โกง กิน โทรศัพท์เมื่อแปรไปแล้ว ราคาแพงสุดโหด และหุ้นใหญ่

ตกไปอยู่ใน มือขององค์การโทรศัพท์สเปน2ปี ที่ผ่านมา องค์การโทรศัพท์ของสเปนประกาศว่ากำไรของเขาลดลงไป1.3พันล้านเหรียญสหรัฐ เพราะเหตุการณ์วิกฤตในอาร์เจนตินา

คิดดูแล้วกันว่าต่างชาติขนเงินออก จากอาร์เจนตินาเท่าไร เมื่อรัฐวิสาหกิจตกไปอยู่ในมือต่างชาติ เมเนมได้ออกกฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาซื้อแผนดินได้ โดยหวังที่จะให้เงินลงทุน

มา จากต่างประเทศ ปรากฏว่าต่างชาติได้เข้ามากว้านซื้อที่ดินในรูปแบบต่างๆ (คล้ายๆกับที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้) จอร์จ โซรอสแค่รายเดียวซื้อที่ดินในอาร์เจนตินา

เกือบล้านไร่ ในช่วงไม่กี่ปีต่างชาติเข้าครองแผ่นดินอาร์เจนตินาถึง40% สร้างความวิบัติให้แก่สังคมอย่างมหาศาล การเปิดเสรีการค้าเป็นสาเหตุหนึ่งที่สร้างความวิบัติ

พวกนักธุรกิจ การเมืองในรัฐบาลเมเนม มีผลประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติในสาขาต่างๆ เช่น การค้าปลีกค้าส่งปล่อยและร่วมมือให้ร้านค้าขนาดยักษ์ต่างชาติเข้ามาทำลาย

ร้าน ค้าขนาดย่อมขนาดเล็ก สร้างความหายนะให้แก่คนอาร์เจนตินาล้านๆ คน นอกจากนั้นกิจการภาคบริการก็ถูกต่างชาติยึดอีก คนชั้นกลางของอาเจนตินาต้องกลายเป็นคนจนนับล้านๆคน

เพียงแค่2-3ปี วิธีบริหารประเทศของเมเนม ใช้คอร์รัปชั่นเชิงนโยบายบริหารประเทศเป็นหลัก มือหนึ่งเขาจะใช้กลยุทธ์การบริหารและการตลาดตลอดจนการประชาสัมพันธ์

หลอก ลวงประชาชนด้วยโครงการต่างๆ เพื่อให้ตายใจ ส่วนอีกมือหนึ่งเขาจะหยิบเอาสมบัติของคนทั้งชาติ เช่นรัฐวิสาหกิจไปปั่นหุ้นขายหาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง และพรรคพวก

สมคบ กับต่างชาตินำทุนข้าม ชาติมาทำลายทุนใหญ่น้อยในชาติ กู้เงินมาลงทุนสร้างโครงการที่ไม่มีความจำเป็น เช่นสนามบิน เป็นต้น เพื่อที่จะได้ค่าใต้โต๊ะเป็นการตอบแทน

ในช่วงรัฐบาลเมเนม มีหลายคนออกมาเตือนว่าระวังประเทศจะหายนะเหมือนอย่างประเทศบราซิล ซึ่งประสบความหายนะมาก่อนอาร์เจนตินาประมาณ2-3 ปี แต่รัฐบาลเมเนม

ก็ บอกแก่ประชาชนว่า อาร์เจนตินาไม่มีวันหายนะอย่างบราซิล เพราะเราเดินมาถูกทางแล้ว ไม่ว่าชาติมหาอำนาจ หรือIMF ก็บอกอย่างนั้น พวกที่บอกว่าอาร์เจนตินาจะหายนะ

เหมือนบราซิลเป็นพวกโง่ เมื่ออาร์เจนตินาประสบความหายนะ มีอะไรเกิดขึ้นที่คนไทยควรจะรู้ไว้ก็คือ ประธานาธิบดีเมเนมถูกขับออกจากตำแหน่ง เขาหิ้วกระเป๋าไปแต่งงาน

กับ มหาเศรษฐีสาวชาวเปรู(เป็นมหาเศรษฐีได้อย่างไรคิดดูเองก็แล้วกัน)อายุต่างกัน ประมาณ20-30 ปี วันนี้มีลูกคนหนึ่งแล้ว คนอาร์เจนตินาตกงานนับล้านๆคน รัฐบาลสั่งห้าม

คนอาร์เจนตินาถอนเงินฝากของตน นอกจากเอามาใช้ซื้ออาหารกินเดือนละ1,200เปโซ เด็กในเมืองหลวงนับล้านไม่สามารถไปเรียนหนังสือได้ เพราะรัฐไม่มีเงินช่วยเหลือผู้คน

และเด็กอดอาหารนับล้านคน ทั้งๆ ที่อาร์เจนตินาผลิตอาหารเลี้ยงคนได้ถึง200ล้านคน อาร์เจนตินามีพลเมืองแค่37ล้านคน แต่เนื่องจากแผ่นดินการเกษตรตกอยู่ในมือต่างชาติ

จึงผลิตเพื่อการส่ง ออก อาชญากรรมระบาดไปทั่ว กิจการต่างๆ ของคนในชาติเป็นจำนวนมากต้องถูกยึด หรือปิดตัวเอง ผู้หญิงต้องทำแม้กระทั่งตัดผมของตัวเองแลกอาหาร

เด็ก อดอาหารตายเป็นจำนวนมาก การที่ใครก็ตามออกมาพูดเรื่องอาร์เจนตินา มันไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการให้ประเทศไทยเป็นแบบอาร์เจนตินา หรือพูดให้คนตกอกตกใจและสับสน

แต่ที่เขาเอาอาร์เจนตินามาพูดนั้นก็ เพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้บริหารประเทศ และประชาชนได้ตระหนักว่า เรามีตัวอย่างประเทศที่เขาเดินไปสู่ความวิบัติอย่างไร ถ้าเราไม่อยากวิบัติอย่างเขา

เราก็ไม่ควรจะเดินตามรอยเขา แล้วไปลงเหวนรก ประชาชนจึงต้องมีจิตสำนึกออกมาป้องกันผู้บริหารประเทศ และนักการเมืองชั่วๆบางคนที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบ

ก่อนที่ ประเทศไทยจะเกิดความวิบัติ ใครที่มีเพื่อนเป็นคนอาร์เจนตินาลองไปถามได้ว่าที่เขียนมาทั้งหมดมีอะไรไม่ เป็นความจริงบ้าง มีตรงไหนที่แสดงความโง่บ้าง

ประเทศอาร์เจนตินาใหญ่ กว่าประเทศไทย5เท่า มีประชากรแค่37ล้านคน มีน้ำมัน น้ำตก ก๊าซ ถ่านหิน และพื้นดินที่สมบูรณ์ ในช่วงรัฐบาลเมเนม GDP เคยขึ้นถึง8-9%

ตัวเลข สวยมากทุกตัว เพราะเขาขายทุกอย่าง โกงทุกอย่าง ปิดหูปิดตาประชาชนทุกอย่าง แม้แต่ทหารซึ่งเคยเป็นดุลถ่วงพวกนักการเมือง ก็ยอมอยู่ใต้อุ้งมือนักการเมือง

ไม่กล้าคิดจะปกป้องประเทศชาติและประชาชน ถูกตัดกำลังแทบจะมีไว้สำหรับเฝ้าทำเนียบ หรือเดินสวนสนาม คนเราอาจจะหลอกคนบางคนได้ในบางเวลา

แต่ จะหลอกทุกคนไปตลอดเวลาไม่ได้หรอก ความวิบัติของประเทศ มันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าผู้บริหารประเทศ และประชาชนมีความสำนึกผูกพัน และหวงแหนแผ่นดิน

สมบัติ ของชาติ รัฐวิสาหกิจ สิทธิและผลประโยชน์เรื่องการทำกินของคนในชาติ และสถาบันที่รักและเทิดทูนในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลต้องทำหน้าที่รับใช้ประชาชน

ระบอบเผด็จการเท่านั้น ที่รัฐบาลแสดงอำนาจกับประชาชน ระบอบนี้ไม่ควรมีอยู่บนแผ่นดินไทยแม้แต่วันเดียว จะรอให้สิ้นชาติหรือ...ถึงจะรู้สึก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ผม ศึกษาเศรษฐกิจประเทศอาเจนติน่าก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ รัฐบาลแปรรูปทุกอย่างเข้าตลาดหุ้น แม้กระทั่งถนน ถ้าอยากรู้ต้องดูรายการของ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์

เรื่องประเทศอาเจนติน่า หลังจากนั้นรัฐมนตรีประเทศน้ก็รวยมากๆ สุดท้ายทุกอย่างกลายเป็นของต่างประเทศทั้งหมด ไฟฟ้า ถนน ประปา สายการบิน ฯลฯ หลังจากนั้นไม่นาน

ก็มีคนออกมาบอกว่าคนอาเจนติน่ายังมีงานทำครับ ใช่ครับ ไปเป็นลูกจ้างตามบริษัทสาธารณูปโภคที่ถูกขายนั่นแหละ หลักจากนั้นไม่นานอาเจนติน่าก็ล่มสลายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่

แล้วต่าง ชาติก็ขนเงินกลับผ่านหุ้น เกษตรกรซึ่งเคยชื่นชมรัฐบาลอาเจนติน่ายุคนั้นต้องประท้วง ชาวไร่ยากจนลง ผมขออธิปไตยทางเศรษฐกิจไว้ในมือคนไทยได้ไหมครับ

ขณะนี้ผมศึกษาอยู่ ต่างประเทศช่วงสั้นๆ ในสายตาชาวต่างชาติเขามองเราติดลบมากๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหา๓จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการสร้างนโยบายเพื่อกลุ่มตนเอง

ซึ่ง เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ผมว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องมองคนดีที่ทำเพื่อบ้านเมือง สำหรับผม คิดใหม่ ทำใหม่ ไม่เลือกไทยรักไทย(ตั้งแต่ครั้งก่อน)

.....ขอบพระคุณวิทยาทาน จากคุณอัมรินทร์ คอมันตร์มากครับ.....

Friday, June 17, 2011

อ้วนตั้งแต่วัยรุ่น เสี่ยงมะเร็งสูง

ป้องกันลูกวัยทีน อย่าให้อ้วนเสียตั้งแต่วันนี้ เท่ากับช่วยสะกัดมะเร็งไม่ให้คร่าชีวิตลูก ๆ ไปก่อนวัยอันควรได้ เพราะมีงานวิจัยระบุว่า เด็กวัยรุ่นที่มีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิตนั้น มีโอกาสที่จะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสูงกว่าเพื่อน ๆ ที่มีน้ำหนักปกติถึง 35 เปอร์เซ็นต์ และต่อให้โตเป็นผู้ใหญ่จะคิดได้ หันมาออกกำลังกาย เปลี่ยนรูปแบบการรับประทานอาหาร ก็ใช่ว่า ความเสี่ยงดังกล่าวจะลดลงตาม
     
       โดยการวิจัยครั้งนี้ เป็นการร่วมมือระหว่างนักวิจัยจาก Medical Research Council (MRC), University College London และ Harvard School of Public Health ทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ของนักศึกษาชาย 19,539 คนที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในระหว่างปี 1916 - 1950 พวกเขาพบว่า คนที่มีค่า BMI สูง ๆ ตอนอายุ 18 ปีนั้นมีโอกาสเสียชีวิตจากมะเร็งมากกว่าผู้ที่มีค่า BMI ต่ำ
     
       ดร.ลินเซย์ เกรย์ นักวิจัยจาก Medical Research Council หรือ MRC กล่าวถึงงานวิจัยชิ้นนี้ว่า "ถือเป็นครั้งแรกของการวิจัยผลกระทบของโรคอ้วนที่เกิดกับมนุษย์ในช่วงวัย รุ่น โดยเราพบว่า ความอ้วนนั้นทำให้มนุษย์เราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในเวลาต่อมา และถึงแม้ว่าจะสามารถลดน้ำหนักได้ในวัยกลางคนก็ไม่ได้หมายความว่าความเสี่ยง ดังกล่าวจะลดลง"
     
       นอกจากนั้น สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การที่มีค่า BMI สูงในช่วงอายุ 18 ปีกลับนำไปสู่ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในเวลาต่อมา มากกว่าการมีค่า BMI สูงในช่วงวัยกลางคนเสียอีก
     
       ทั้งนี้ ทีมวิจัยพบความเชื่อมโยงระหว่างวัยรุ่นที่น้ำหนักเกิน กับการเกิดมะเร็งในอนาคตบนอวัยวะส่วนต่าง ๆ เช่น ปอด ผิวหนัง ทางเดินอาหาร ไต กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายอายุ 18 ปีที่มีค่า BMI สูงกว่าค่าเฉลี่ย 21.7 ไม่มาก และยังถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ก็มีโอกาสเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดมากกว่าคนที่มีค่า BMI ต่ำ ๆ ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ (ไม่ว่าพวกเขาจะสูบหรือไม่สูบบุหรี่ก็ตาม)
     
       แม้ว่าการวิจัยครั้งนี้จะพุ่งเป้าไปที่ผู้ชายเป็นหลัก แต่สำหรับผู้หญิงแล้วก็เชื่อว่าจะให้ผลที่ไม่แตกต่างกัน
     
       ดร.เกรย์กล่าวทิ้งท้ายว่า "งานวิจัยนี้พิสูจน์แล้วว่า การรักษาสุขภาพให้ดีตลอดชีวิตนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นั่นหมายความว่า ในช่วงวัยรุ่น ก็ไม่ควรปล่อยตัวให้อ้วน ควรควบคุมน้ำหนักร่างกายให้อยู่ในระดับปกติตลอดเวลา เพื่อลดโอกาสการเกิดมะเร็ง"
     
       อย่างไรก็ดี สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยรุ่นคงทราบดีว่า เด็กในวัยนี้มักจะคำนึงถึงความสวยงาม หรือรูปลักษณ์ภายนอก และอาจกำลังกังวลกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อยู่เช่นกัน แต่ก็ควรแนะแนวทาง "ลดน้ำหนัก" อย่างถูกวิธี เช่น การควบคุมอาหาร ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หมั่นออกกำลังกาย รวมถึงคอยระวังไม่ให้ลูกพึ่งทางลัดในการลดน้ำหนัก เช่น การดูดไขมันที่เคยทำเด็กสาวคนหนึ่งเสียชีวิตมาแล้ว หรือการใช้ยาลดความอ้วน ก็จะช่วยให้ลูกที่คุณรักปลอดภัยได้มากขึ้นค่ะ

: manager.co.th

Popular Posts