Sunday, June 19, 2011

ประเทศไทย กับ อาร์เจนตินา ตัวอย่างแห่ง "หายนะ" ฤาเราจะต้องตามรอย

โดย อัมรินทร์ คอมันตร์

"ผมดูตัวเลขทุกตัวถือว่ามีความสมดุลมากที่ สุดเท่าที่ประเทศไทยมีมา แข็งแรงทุกตัว ใครที่บอกว่า จะพังเหมือนอาร์เจนตินา ผมมองว่าไร้ความรู้สิ้นเชิง ไม่รู้จบมาได้อย่างไร

ไม่ รู้ว่าตอนเรียนไปทำอะไรอยู่ ถ้าดูเป็น โง่อย่างไรก็ต้องยอมรับว่าดี... เป็นคำพูดของคนๆ หนึ่ง ที่ใครไม่เห็นด้วยกับเขา เขาจะเกรี้ยวกราดว่าคนนั้นเป็นคนโง่ เป็นคน...น่าเป็นห่วง"

ชาวบ้าน อาจคิดได้ว่าวันนี้เขาหลงอำนาจไปแล้วหรือ?! ประเทศอาร์เจนตินาเคยมีตัวเลข GDP สูงติดอันดับโลก ตัวเลขแข็งทุกตัวเท่าที่ประเทศอาร์เจนตินามีมา

จึง ขอเล่าเรื่องอาร์เจนตินาให้ฟังพอเป็นสังเขปดังนี้ ประมาณ10ปีที่ผ่านมาประธานาธิบดีขณะนั้นคือ นายอัลฟองซีนที่มจากการเลือกตั้ง ต้องการที่จะพัฒนาอาร์เจนตินา

ให้ เป็นประเทศชั้นนำอันดับหนึ่งของอเมริกาใต้ เขาได้เสนอโครงการพัฒนาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่เคยปรากฏมาก่อนในอาร์เจนตินา เช่น การปฏิรูประบบราชการ

การ เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาครอบครอแผ่นดิน การเอารัฐวิสาหกิจออกมาขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือให้สัมปทานการเปิดเสรีการค้าฯลฯ เมื่อแผนพัฒนาประเทศดังกล่าว

ถูก นำสู่สาธารณชน และเข้าสู่สภา ปรากฏว่าได้รับการต่อต้านจากประชาชน และฝ่ายค้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้นำฝ่ายค้าน นายเมเนม ได้กล่าวหาว่า นายฟองซีน

และพวกเป็นคนขายชาติ ขายแผ่นดิน มีผลให้นายฟองซีนต้องหลุดจากตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนที่จะครบวาระ หัวหน้าฝ่ายค้านเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี ต่อจากนายฟองซีน

ได้ พยายามสร้างและหาความนิยมจากประชาชนเพื่อที่ตนเองจะได้ชนะการเลือกตั้งที่จะ มีต่อไป กล่าวคือ อะไรที่อัลฟองซีนทำ เขาบอกว่าจะไม่ทำ จะคิดใหม่ ทำใหม่

เพื่อ ประชาชนและประเทศ เขาได้บริหารประเทศโดยใช้นโยบาย ลดแลก แจก แถม หรือที่เรียกทั่วๆ ไปว่า"ประชานิยม" คือเอาเงินภาษีอากรของประชาชนมาใช้ในการหาเสียง

อย่างถูกต้องตาม กฎหมาย เมื่อเลือกตั้งมาถึง พรรคการเมืองของเมเนม ประ สบชัยชนะอย่างหลุดลอย ครองเสียงข้างมากในสภา เข้าคุมประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ ฝ่ายค้านหมดน้ำยาทันที

ชัย ชนะที่ได้มานั้นมาจากปัจจัยที่สำคัญ เช่นการใช้เงินซื้อเสียงด้วยวิธีการต่างๆ การใช้นโยบายหลอกล่อประชาชนให้หลงเชื่อ และการทำลายฝ่ายตรงข้าม เข้ามาบริหารประเทศ

หลังเลือกตั้งเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ สื่อต่างๆของอาร์เจนตินาตกอยู่ภายใต้ความครอบงำของรัฐบาลเมเนม สื่อโทรทัศน์ของรัฐและเอกชนถูกสั่งโดยทางตรง และทางอ้อม

ให้ปิดหูปิด ตาประชาชนเสมอ หน้าที่หลักคือสรรเสริญ สนับสนุนรัฐบาล วันๆ ให้ประชาชนมัวเมากับฟุตบอล และการพนัน หนังสือพิมพ์ ถ้าฉบับไหนวิจารณ์รัฐบาล

จะถูกงดการให้เงินโฆษณาจากรัฐวิสาหกิจ หรือกิจการของนักธุรกิจการเมืองฝ่ายรัฐบาล ปี2537 เขาออกแผนพัฒนาเศรษฐกิจหลักการเดียวกับกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ11ฉบับของไทย

หรือ กฎหมายขายชาติที่สื่อเขาเรียกกัน นำมาใช้ในการบริหารประเทศอาร์เจนตินา แผนหลักสำคัญๆ เช่น การแปรรูป(ขาย)รัฐวิสาหกิจ การเปิดเสรีการค้า

การ ให้สิทธิต่างชาติซื้อแผ่นดิน การปฏิรูประบบราชการ การยกเลิกแก้ไขกฎหมายที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในชาติ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เมเนม

เคยต่อต้านในช่วงที่ตนเองเป็นฝ่าย ค้าน แต่พอมามีอำนาจกลับนำมาใช้ เพราะเห็นว่าสามารถสร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองและพรรคพวกได้ การขายรัฐวิสาหกิจ

เขาใช้สื่อหลอกลวงประชาชนว่า รัฐวิสาหกิจเป็นภาระของรัฐบาล มีการโกงกิน การบริหารไร้สมรรถภาพ ต้องแปรรูปเอาหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่ก็ขายสัมปทาน

ความจริง แล้วรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มีกำไรและนำเงินเข้าสู่รัฐ เพื่อนำมาใช้สอยสร้างความอยู่ดีกินดีให้แก่ประชาชน แค่ปรับปรุง และปราบการโกงกินก็ย่อมทำได้แต่ไม่ทำ

เพราะถ้าเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ จะสามารถปันเงินเข้ากระเป๋าตัวเองและพรรคพวก แรกๆ พวกพนักงานรัฐวิสาหกิจ เช่นสหภาพต่างๆ ออกมาคัดค้าน รัฐบาลของนายเมเนม

ก็ให้สินบนผู้คัด ค้านเหล่านั้นด้วยการขายหุ้นในราคาถูกบ้าง ให้หุ้นฟรีบ้าง สัญญาว่าจะขึ้นเงินเดือน20-30%บ้าง จะไม่มีการไล่ออกบ้าง การให้สินบนก็เอาเงินภาษีของประชาชน

มาปิดปากการคัดค้าน พวกขายตัวก็เงียบไป ยอมสยบกับรัฐบาล แต่ในที่สุดรัฐบาลแทบไม่ได้ทำตามสัญญาเลย รัฐบาลนายเมเนมได้เอารัฐวิสาหกิจแทบทุกอย่างออกมาขาย

ในตลาดหลัก ทรัพย์ เที่ยวหลอกลวงประชา ชนว่าไม่ต้องห่วงรัฐยังถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่ และจะไม่ขายให้แก่ต่างชาติ สุดท้ายเขาและพรรคพวก ใช้อำนาจบริหารกวาดหุ้น ปั่นหุ้น

ทำเงินเข้ากระเป๋าเป็นจำนวนมหาศาล ทั้งนี้ยังไม่นับรายได้จากการขายสัมปทานของรัฐโดยตรง ในที่สุด รัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็ตกอยู่ในมือของพวกนักธุรกิจการเมือง

และตกอยู่ใน มือคนต่างชาติ เช่น กิจการประปาตกอยู่ในมือของอังกฤษและฝรั่งเศส ไฟฟ้าตกอยู่ในมือของแคนาดา ฝรั่งเศส และอเมริกา กิจการสายการบินตกอยู่ในมือของสเปน

กิจการโทรศัพท์ตกอยู่ในมือของ สเปน เป็นต้น ขอยกตัวอย่างให้เห็นว่าเขานำภัยสู่ประชาชนอย่างไรกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ยกตัวอย่างเช่น ไฟฟ้าและประปา อาร์เจนตินา

ผลิตไฟฟ้าประมาณ50% โดยใช้พลังน้ำตก ที่เหลือใช้น้ำมันก๊าด และถ่านหินซึ่งเกือบทั้งหมดมีอยู่ในประเทศ ซึ่งนับว่าต้นทุนถูกมาก หลังจากแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์

และตกอยู่ในมือของพวกเศรษฐีและต่าง ชาติแล้ว ราคาค่าไฟเพิ่มขึ้นมาถึงหน่วยละประมาณ6.50 บาท ในขณะที่ประเทศไทยต้องซื้อก๊าซ น้ำมัน ถ่านหินจากต่างชาติ

ขณะที่ เป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ทุกวันนี้ค่าไฟหน่วยละประมาณแค่ 2.50 บาท ตามชนบทห่างไกล การไฟฟ้ายังทำกำไรนับพันๆล้าน หลังจากเอากำไรบางส่วนไปพัฒนาเขตที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้

เมื่อแปรรูป ประปาแล้ว น้ำประปาในอาร์เจนตินาแพงถึงขนาดคนต้องตาย เพราะขอน้ำใครกินไม่ได้ ไม่มีใครให้เพราะน้ำแพง คนที่ตายไปเพราะขอน้ำใครกินไม่ได้

เขาถึงกับตั้งศาลเพียงตาไว้ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่แปรรูปแล้วประชาชนไม่เดือดร้อนและนักการเมืองไม่โกง กิน โทรศัพท์เมื่อแปรไปแล้ว ราคาแพงสุดโหด และหุ้นใหญ่

ตกไปอยู่ใน มือขององค์การโทรศัพท์สเปน2ปี ที่ผ่านมา องค์การโทรศัพท์ของสเปนประกาศว่ากำไรของเขาลดลงไป1.3พันล้านเหรียญสหรัฐ เพราะเหตุการณ์วิกฤตในอาร์เจนตินา

คิดดูแล้วกันว่าต่างชาติขนเงินออก จากอาร์เจนตินาเท่าไร เมื่อรัฐวิสาหกิจตกไปอยู่ในมือต่างชาติ เมเนมได้ออกกฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาซื้อแผนดินได้ โดยหวังที่จะให้เงินลงทุน

มา จากต่างประเทศ ปรากฏว่าต่างชาติได้เข้ามากว้านซื้อที่ดินในรูปแบบต่างๆ (คล้ายๆกับที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้) จอร์จ โซรอสแค่รายเดียวซื้อที่ดินในอาร์เจนตินา

เกือบล้านไร่ ในช่วงไม่กี่ปีต่างชาติเข้าครองแผ่นดินอาร์เจนตินาถึง40% สร้างความวิบัติให้แก่สังคมอย่างมหาศาล การเปิดเสรีการค้าเป็นสาเหตุหนึ่งที่สร้างความวิบัติ

พวกนักธุรกิจ การเมืองในรัฐบาลเมเนม มีผลประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติในสาขาต่างๆ เช่น การค้าปลีกค้าส่งปล่อยและร่วมมือให้ร้านค้าขนาดยักษ์ต่างชาติเข้ามาทำลาย

ร้าน ค้าขนาดย่อมขนาดเล็ก สร้างความหายนะให้แก่คนอาร์เจนตินาล้านๆ คน นอกจากนั้นกิจการภาคบริการก็ถูกต่างชาติยึดอีก คนชั้นกลางของอาเจนตินาต้องกลายเป็นคนจนนับล้านๆคน

เพียงแค่2-3ปี วิธีบริหารประเทศของเมเนม ใช้คอร์รัปชั่นเชิงนโยบายบริหารประเทศเป็นหลัก มือหนึ่งเขาจะใช้กลยุทธ์การบริหารและการตลาดตลอดจนการประชาสัมพันธ์

หลอก ลวงประชาชนด้วยโครงการต่างๆ เพื่อให้ตายใจ ส่วนอีกมือหนึ่งเขาจะหยิบเอาสมบัติของคนทั้งชาติ เช่นรัฐวิสาหกิจไปปั่นหุ้นขายหาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง และพรรคพวก

สมคบ กับต่างชาตินำทุนข้าม ชาติมาทำลายทุนใหญ่น้อยในชาติ กู้เงินมาลงทุนสร้างโครงการที่ไม่มีความจำเป็น เช่นสนามบิน เป็นต้น เพื่อที่จะได้ค่าใต้โต๊ะเป็นการตอบแทน

ในช่วงรัฐบาลเมเนม มีหลายคนออกมาเตือนว่าระวังประเทศจะหายนะเหมือนอย่างประเทศบราซิล ซึ่งประสบความหายนะมาก่อนอาร์เจนตินาประมาณ2-3 ปี แต่รัฐบาลเมเนม

ก็ บอกแก่ประชาชนว่า อาร์เจนตินาไม่มีวันหายนะอย่างบราซิล เพราะเราเดินมาถูกทางแล้ว ไม่ว่าชาติมหาอำนาจ หรือIMF ก็บอกอย่างนั้น พวกที่บอกว่าอาร์เจนตินาจะหายนะ

เหมือนบราซิลเป็นพวกโง่ เมื่ออาร์เจนตินาประสบความหายนะ มีอะไรเกิดขึ้นที่คนไทยควรจะรู้ไว้ก็คือ ประธานาธิบดีเมเนมถูกขับออกจากตำแหน่ง เขาหิ้วกระเป๋าไปแต่งงาน

กับ มหาเศรษฐีสาวชาวเปรู(เป็นมหาเศรษฐีได้อย่างไรคิดดูเองก็แล้วกัน)อายุต่างกัน ประมาณ20-30 ปี วันนี้มีลูกคนหนึ่งแล้ว คนอาร์เจนตินาตกงานนับล้านๆคน รัฐบาลสั่งห้าม

คนอาร์เจนตินาถอนเงินฝากของตน นอกจากเอามาใช้ซื้ออาหารกินเดือนละ1,200เปโซ เด็กในเมืองหลวงนับล้านไม่สามารถไปเรียนหนังสือได้ เพราะรัฐไม่มีเงินช่วยเหลือผู้คน

และเด็กอดอาหารนับล้านคน ทั้งๆ ที่อาร์เจนตินาผลิตอาหารเลี้ยงคนได้ถึง200ล้านคน อาร์เจนตินามีพลเมืองแค่37ล้านคน แต่เนื่องจากแผ่นดินการเกษตรตกอยู่ในมือต่างชาติ

จึงผลิตเพื่อการส่ง ออก อาชญากรรมระบาดไปทั่ว กิจการต่างๆ ของคนในชาติเป็นจำนวนมากต้องถูกยึด หรือปิดตัวเอง ผู้หญิงต้องทำแม้กระทั่งตัดผมของตัวเองแลกอาหาร

เด็ก อดอาหารตายเป็นจำนวนมาก การที่ใครก็ตามออกมาพูดเรื่องอาร์เจนตินา มันไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการให้ประเทศไทยเป็นแบบอาร์เจนตินา หรือพูดให้คนตกอกตกใจและสับสน

แต่ที่เขาเอาอาร์เจนตินามาพูดนั้นก็ เพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้บริหารประเทศ และประชาชนได้ตระหนักว่า เรามีตัวอย่างประเทศที่เขาเดินไปสู่ความวิบัติอย่างไร ถ้าเราไม่อยากวิบัติอย่างเขา

เราก็ไม่ควรจะเดินตามรอยเขา แล้วไปลงเหวนรก ประชาชนจึงต้องมีจิตสำนึกออกมาป้องกันผู้บริหารประเทศ และนักการเมืองชั่วๆบางคนที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบ

ก่อนที่ ประเทศไทยจะเกิดความวิบัติ ใครที่มีเพื่อนเป็นคนอาร์เจนตินาลองไปถามได้ว่าที่เขียนมาทั้งหมดมีอะไรไม่ เป็นความจริงบ้าง มีตรงไหนที่แสดงความโง่บ้าง

ประเทศอาร์เจนตินาใหญ่ กว่าประเทศไทย5เท่า มีประชากรแค่37ล้านคน มีน้ำมัน น้ำตก ก๊าซ ถ่านหิน และพื้นดินที่สมบูรณ์ ในช่วงรัฐบาลเมเนม GDP เคยขึ้นถึง8-9%

ตัวเลข สวยมากทุกตัว เพราะเขาขายทุกอย่าง โกงทุกอย่าง ปิดหูปิดตาประชาชนทุกอย่าง แม้แต่ทหารซึ่งเคยเป็นดุลถ่วงพวกนักการเมือง ก็ยอมอยู่ใต้อุ้งมือนักการเมือง

ไม่กล้าคิดจะปกป้องประเทศชาติและประชาชน ถูกตัดกำลังแทบจะมีไว้สำหรับเฝ้าทำเนียบ หรือเดินสวนสนาม คนเราอาจจะหลอกคนบางคนได้ในบางเวลา

แต่ จะหลอกทุกคนไปตลอดเวลาไม่ได้หรอก ความวิบัติของประเทศ มันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าผู้บริหารประเทศ และประชาชนมีความสำนึกผูกพัน และหวงแหนแผ่นดิน

สมบัติ ของชาติ รัฐวิสาหกิจ สิทธิและผลประโยชน์เรื่องการทำกินของคนในชาติ และสถาบันที่รักและเทิดทูนในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลต้องทำหน้าที่รับใช้ประชาชน

ระบอบเผด็จการเท่านั้น ที่รัฐบาลแสดงอำนาจกับประชาชน ระบอบนี้ไม่ควรมีอยู่บนแผ่นดินไทยแม้แต่วันเดียว จะรอให้สิ้นชาติหรือ...ถึงจะรู้สึก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ผม ศึกษาเศรษฐกิจประเทศอาเจนติน่าก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ รัฐบาลแปรรูปทุกอย่างเข้าตลาดหุ้น แม้กระทั่งถนน ถ้าอยากรู้ต้องดูรายการของ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์

เรื่องประเทศอาเจนติน่า หลังจากนั้นรัฐมนตรีประเทศน้ก็รวยมากๆ สุดท้ายทุกอย่างกลายเป็นของต่างประเทศทั้งหมด ไฟฟ้า ถนน ประปา สายการบิน ฯลฯ หลังจากนั้นไม่นาน

ก็มีคนออกมาบอกว่าคนอาเจนติน่ายังมีงานทำครับ ใช่ครับ ไปเป็นลูกจ้างตามบริษัทสาธารณูปโภคที่ถูกขายนั่นแหละ หลักจากนั้นไม่นานอาเจนติน่าก็ล่มสลายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่

แล้วต่าง ชาติก็ขนเงินกลับผ่านหุ้น เกษตรกรซึ่งเคยชื่นชมรัฐบาลอาเจนติน่ายุคนั้นต้องประท้วง ชาวไร่ยากจนลง ผมขออธิปไตยทางเศรษฐกิจไว้ในมือคนไทยได้ไหมครับ

ขณะนี้ผมศึกษาอยู่ ต่างประเทศช่วงสั้นๆ ในสายตาชาวต่างชาติเขามองเราติดลบมากๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหา๓จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการสร้างนโยบายเพื่อกลุ่มตนเอง

ซึ่ง เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ผมว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องมองคนดีที่ทำเพื่อบ้านเมือง สำหรับผม คิดใหม่ ทำใหม่ ไม่เลือกไทยรักไทย(ตั้งแต่ครั้งก่อน)

.....ขอบพระคุณวิทยาทาน จากคุณอัมรินทร์ คอมันตร์มากครับ.....

No comments:

Post a Comment

Popular Posts